แคร์รี ลัม หัวหน้าคณะบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่าการยกระดับความรุนแรงในเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลไม่ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม พร้อมแสดงความผิดหวังที่รัฐสภาต่างประเทศพยายามแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง
ในการแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ลัมระบุว่า “การขยายขอบเขตความรุนแรงอย่างต่อเนื่องไม่อาจช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่สังคมฮ่องกงกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้ มีแต่จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งยิ่งร้าวลึก อีกทั้งสร้างความเกลียดชังและแตกแยกในสังคมมากขึ้น
ลัมกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่รัฐสภาต่างชาติแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง และเราจะไม่อนุญาตให้สหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง”
ทั้งนี้เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อสู่สัปดาห์ที่ 14 ถึงแม้ทางการได้ถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งเป็นชนวนเหตุของการประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ผู้ชุมนุมยังต้องการให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภานิติบัญญัติอย่างเสรี
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงได้จัดการชุมนุมที่สถานกงสุลสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากการถูกปกครองโดยเผด็จการ พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านกฎหมายที่สนับสนุนการประท้วง รวมถึงกำหนดให้รัฐบาลออกรายงานประเมินประจำปีว่าฮ่องกงยังอยู่ในสถานะเขตปกครองตนเองตามเกณฑ์ที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ หรือไม่
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้แสดงท่าทีไม่พอใจและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าอยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นประชาชนฮ่องกงให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล พร้อมเตือนไม่ให้ประเทศอื่นๆ แทรกแซงกิจการภายในประเทศของจีน
อย่างไรก็ตาม จิม แมตทิส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ มองว่าการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงไม่ใช่ปัญหาภายในของจีน และอย่างน้อยสหรัฐฯ ก็ควรยื่นมือช่วยเหลือตามหลักศีลธรรม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
