วานนี้ (23 เมษายน) เมื่อเวลา 23.00 น. เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่บริเวณด่านพรมแดนเมียวดี-แม่สอด เชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ฝั่งประเทศเมียนมา รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เสียงระเบิดดังสนั่นจนถึงตัวอำเภอแม่สอด ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ตัวอาคารด่านเมืองเมียวดี ร้านค้าและอาคารพาณิชย์บริเวณด่าน มีอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในที่เกิดเหตุหน้าด่านพบรถยนต์เก๋ง 1 คัน ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและไฟไหม้ทั้งคัน คาดว่าเป็นรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ นอกจากการระเบิดแล้วยังมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมากับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ใช้รถยนต์กระบะบรรทุกกองกำลังติดอาวุธมาประมาณ 10 คน โดยปะทะกันนานประมาณ 15 นาที ยังไม่ทราบความสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ถอนกำลังออกไปทางด้านใต้เมียวดี
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทยที่บริเวณชายแดนแม่สอดที่สังเกตการณ์ด่านพรมแดนฝั่งไทยแจ้งว่า ในระหว่างเกิดเหตุนั้นเกิดไฟไหม้ตัวอาคารด่านและอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น เจ้าหน้าที่เมียนมาในท้องถิ่นต้องระดมรถดับเพลิงทั้งหมดไปดับไฟที่ลุกไหม้ตัวอาคารและบริเวณด่านพรมแดนจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยใช้เวลานานนับชั่วโมง
ล่าสุดทหารเมียนมาในพื้นที่เมืองเมียวดีเข้ามาควบคุมพื้นที่บริเวณหน้าด่านได้แล้ว พบรถยนต์ที่ต้องสงสัยในการใช้คาร์บอมบ์ 1 คัน เป็นรถยนต์เก๋ง และได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายต่อต้านรัฐสภาปฏิวัติทหารเมียนมาออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ขณะที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำทหารเมียนมาได้ประกาศจะเจรจากับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ 20 กลุ่มอีกครั้งหนึ่ง โดยจะเป็นผู้ร่วมเจรจาด้วยตนเอง และขอให้ผู้แทนลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมเจรจาในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565
ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอแม่สอดว่า หลังจากเกิดเหตุในฝั่งเมียวดีแล้ว ในวันรุ่งขึ้นชาวไทยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาที่บ้านริมเมย ซึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านได้เตรียมสิ่งของมีค่าไว้ เพื่อทิ้งบ้านหลบหนีออกจากหมู่บ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการสู้รบ บางรายที่เป็นผู้สูงอายุได้ย้ายไปอยู่บ้านญาติ