×

ฟ้องศาลโลกไม่ได้ง่าย: วิเคราะห์โอกาส ความเสี่ยง และหมากต่อไปของรัฐบาลกัมพูชา

โดย THE STANDARD TEAM
02.06.2025
  • LOADING...

วันนี้ (2 มิถุนายน) ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกัมพูชาล่าสุด หลังนายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศชัด เตรียมเดินหน้าฟ้องไทยในประเด็นพิพาทบริเวณ ‘สามเหลี่ยมมรกต’ ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

 

ดร.ภัทรพงษ์ ชี้ว่า ‘กำแพงด่านแรก’ ที่กัมพูชาต้องเผชิญคือ ‘เขตอำนาจศาล’ โดยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ศาลโลกจะมีเขตอำนาจได้ ก็ต่อเมื่อรัฐคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ให้ความยินยอมเท่านั้น

 

ในกรณีของไทย แม้จะเคยประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกในอดีตเมื่อราวร้อยปีก่อน แต่ภายหลังจากคำพิพากษาคดีพระวิหารในปี 1962 ไทยก็ไม่เคยยอมรับเขตอำนาจแบบทั่วไปอีกเลย ทำให้คดีในครั้งนี้ซึ่งถือเป็น ‘ข้อพิพาทใหม่’ ไม่สามารถอิงคำพิพากษาเดิมเหมือนคดีเมื่อสิบปีก่อนได้

 

ดร.ภัทรพงษ์ เสนอว่า หากกัมพูชาต้องการนำคดีเข้าสู่ศาลโลก มีเพียง 3 แนวทางให้เลือก

 

1. เจรจาตกลงกับไทยเพื่อฟ้องคดีร่วมกัน แนวทางนี้ขึ้นอยู่กับความยินยอมจากไทยโดยสมบูรณ์

 

2. ค้นหาสนธิสัญญาที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคี และเปิดช่องให้ฟ้องศาลโลกได้โดยฝ่ายเดียว ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก

 

3. ยื่นฟ้องฝ่ายเดียวแบบ Forum Prorogatum โดยเชิญชวนให้ไทยยอมรับอำนาจศาลภายหลัง ซึ่งหากไทยไม่ยอมรับ คดีก็จะไม่เข้าสู่สารบบของศาล

 

แนวทางสุดท้ายนี้อาจเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกัมพูชา แม้ศาลจะไม่สามารถดำเนินคดีได้ แต่การยื่นฟ้องเพียงอย่างเดียวก็อาจเพียงพอในการสร้างกระแสภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่กัมพูชามีประเด็นทางการเมืองภายในที่ต้องการ

 

ทั้งนี้ ดร.ภัทรพงษ์ คาดว่า หากกัมพูชาเลือกยื่นฟ้องแบบ Forum Prorogatum จริง ก็อาจมีการร้องขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว (Provisional Measures) โดยอ้างว่าเกิดการใช้กำลังและอาจลุกลามได้ อย่างไรก็ตาม ตามหลักกฎหมาย ศาลจะออกคำสั่งชั่วคราวได้ก็ต่อเมื่อ ‘น่าจะมีเขตอำนาจ’ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่มี จึงเป็นไปได้ยาก

 

ดร.ภัทรพงษ์ ชี้ให้เห็นยุทธศาสตร์ของกัมพูชาที่เคยใช้ ‘การฟ้องศาลโลก’ เป็นเครื่องมือปลุกกระแสชาตินิยมในประเทศ เช่นเดียวกับเมื่อสิบปีก่อนที่มีการฟ้องคดีพระวิหารในจังหวะใกล้เลือกตั้ง และร้องขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาล

 

“ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันนัก” ดร.ภัทรพงษ์ กล่าว

 

ขั้นตอนถัดไป หากกัมพูชาจะเดินหน้าจริง คงต้องส่งหนังสือชี้แจงมายังรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการว่า มีข้อพิพาทในประเด็นใด และมีจุดยืนในเรื่องนั้นอย่างไร เพราะตามแนวปฏิบัติของศาลในปัจจุบัน หากรัฐหนึ่งฟ้องอีกฝ่าย โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้หรือไม่เข้าใจข้อพิพาทอย่างชัดเจน ศาลอาจไม่รับว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นจริง

 

ประเด็นนี้จึงยังต้องจับตาว่ากัมพูชาจะเดินเกมต่อไปอย่างไร และรัฐบาลไทยจะตอบสนองอย่างไรในเวทีระหว่างประเทศ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising