วันนี้ (23 กรกฎาคม) พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม และมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประจำวันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2568
พล.ร.ต. สุรสันต์กล่าวว่า จากมติ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ แนวทางให้แรงงานสัญชาติกัมพูชามาทำงานบริเวณชายแดน กรณีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารบุคคล Border Pass ทั้งที่มีอายุหรือ หมดอายุ แต่สิ้นสุดการได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานและสิ้นสุดการอนุญาตให้พำนักในพื้นที่ชายแดน ได้ผ่อนผันให้อยู่เป็นกรณีพิเศษ เพื่อทำงานได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลบังคับใช้ 7 มิถุนายน 2568 หรือจนกว่ามาตรการควบคุมระหว่างประเทศจะกลับสู่สภาวะปกติ
และให้ยกเว้นการเปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวกรณีอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด โดยให้แรงงานต่างด้าวยื่นคำขออนุญาตทำงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งชำระค่ายื่นคำขอ รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน โดยจะได้รับอนุญาตทำงานครั้งละ 3 เดือน และหากจะทำงานในราชอาณาจักรต่อไปให้ยื่นคำขออนุญาตทำงาน พร้อมกับทั้งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่กำหนด และชำระค่าธรรมเนียมภายใน 30 วัน
นอกจากนี้แรงงานต่างด้าวต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกๆ 30 วัน เริ่มครั้งแรกภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ยังยกเว้นให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรสามารถอยู่ได้ต่ออีก 7 วัน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศตนเอง เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทยผู้ประกอบการและเจ้าของไร่สวนที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการเก็บเกี่ยวผลผลิต
ส่วนกรณีการเปิดให้เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม พล.ร.ต. สุรสันต์กล่าวว่า ทางฝ่ายไทยเปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมปราสาทได้ตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดมาตรการร่วมกัน หากเกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวชาติใดให้ชุดประสานงานจากชาตินั้นเป็นผู้นำนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ โดยไม่ต้องเรียกชุดกำลังอื่นเข้ามาเพิ่มเติม รวมถึงขอให้ทั้งสองฝ่ายคัดกรองนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด
ด้าน มาระตีระบุถึงสถานการณ์ในพื้นที่ว่า ฝ่ายไทยยังคงดำเนินการเช่นเดิม มีการควบคุมจุดผ่านแดนที่เข้มงวด แต่ไม่ได้เป็นการปิดด่าน ยังคงอนุโลมด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง และยังเปิดให้รถขนส่งสินค้าผ่านแดนเช่นกัน มีเพียงฝ่ายกัมพูชาที่ยังคงปิดด่านอยู่
ส่วนการดำเนินการด้านต่างประเทศ มาระตีระบุว่า วันนี้เวลา 16.00 น. กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดการบรรยายสรุปแก่ คณะทูตและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ ต่อเนื่องจากการบรรยายสรุปรายไตรมาสของกองทัพบกวานนี้ เพื่อชี้แจงการดำเนินการท่าทีและจุดยืนของไทย เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจัดเป็นประจำ
แต่ครั้งนี้จะเน้นในเรื่องเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยที่จะชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้รวบรวมและประมวลตั้งแต่วันเกิดเหตุ รวมถึงผลของการตรวจสอบในพื้นที่เพิ่มเติม
มาระตีย้ำว่า การบรรยายวันนี้จะชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อประชาคมโลกด้วยความมั่นใจ นอกจากที่กระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือประท้วงกัมพูชา และถึงประเทศญี่ปุ่นในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบ
“ในเวทีระหว่างประเทศชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และคำมั่นที่ประเทศนั้นได้ให้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศนั้นน่าคบหาและเป็นที่เคารพของประชาคมโลก” มาระตีกล่าว