Nikkei Asia รายงานว่า ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ได้ส่งผลให้แรงงานกัมพูชาจำนวนมากต้องเดินทางกลับประเทศ โดยมีการประเมินว่ามีแรงงานกลับมาแล้วรวมกว่า 1 ล้านคน การเคลื่อนย้ายแรงงานครั้งใหญ่นี้กลายเป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดแรงงานในกัมพูชา โดยเฉพาะภาคการผลิต ก่อสร้าง และเกษตรกรรม ที่ก่อนหน้านี้เผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
Heng Sour รัฐมนตรีแรงงานกัมพูชา มองว่า การกลับมาของแรงงานจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตภายในประเทศ และจะสามารถรองรับความต้องการส่งออก และยังเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เนื่องจากมีแรงงานในประเทศที่มั่นคงและเพียงพอต่อกระบวนการผลิต
ด้านภาคธุรกิจต่างชาติ เช่น บริษัท Zhuhai Seikawa Plastic Products จากจีน ที่ขยายสายการผลิตและรับแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทยราว 100 คน เข้าทำงานทำให้จำนวนพนักงานโดยรวมเพิ่มเป็นกว่า 600 คน พร้อมตั้งเป้าขยายเป็น 1,000 คนภายในสิ้นปี 2025
ขณะที่ MinebeaMitsumi ผู้ผลิตลูกปืนจากญี่ปุ่น รับพนักงานใหม่ 2,600 คนระหว่างเดือนเมษายนถึงสิงหาคม และมีแผนรับเพิ่มอีก 1,000 คน โดยกว่า 30% เป็นแรงงานที่กลับจากไทย ส่วน WCFO บริษัทผลิตสายเคเบิลใยแก้วนำแสงจากฮ่องกง ก็เพิ่มพนักงานเกือบสองเท่าเช่นกัน
กระทรวงแรงงานกัมพูชาเปิดเผยว่า มีแรงงานราว 220,000 คนที่กลับจากไทย ได้งานทำใหม่แล้วในประเทศ โดยส่วนใหญ่เข้าสู่ภาคก่อสร้างและเกษตรกรรม โดยแรงงานกลุ่มนี้มีทั้งทักษะและประสบการณ์จากการทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพแรงงานโดยรวมของกัมพูชาได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านโลจิสติกส์ยังเป็นความท้าทายสำคัญ การปิดชายแดนไทยทำให้เส้นทางขนส่งหลักหยุดชะงัก กระทบต่อธุรกิจที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ MinebeaMitsumi ต้องหันมาใช้การขนส่งทางเรือและผ่านประเทศที่สาม ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 400,000 ดอลลาร์ต่อเดือนในช่วงเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม แม้จะพยายามใช้เส้นทางผ่านลาว แต่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่เอื้อต่อการขนส่งเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ แม้แรงงานกัมพูชาหลายคนจะกลับมา แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถนำประสบการณ์จากการทำงานในไทยมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ อัตสึชิ อุเอโนะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา เสนอให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยสนับสนุนการพัฒนาทักษะและการฝึกอบรมแก่แรงงานกลุ่มนี้
ทั้งนี้รัฐบาลกัมพูชา ยังเผยผลสำรวจที่ชี้ว่าแรงงานกัมพูชาจำนวนมากไม่ต้องการกลับไปทำงานที่ไทยอีก เนื่องจากเคยเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ และพบว่าค่าจ้างที่ได้รับไม่ได้สูงอย่างที่คาดหวังไว้
ภาพ: Raywatta chitthipaisan / shutterstock
อ้างอิง: