×

แอมเนสตี้ชี้ รัฐบาลกัมพูชาเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในศูนย์สแกมเมอร์ทั่วประเทศ

โดย THE STANDARD TEAM
26.06.2025
  • LOADING...
cambodia-scam-centers

รายงานฉบับใหม่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เผยแพร่วันนี้ (26 มิถุนายน) บ่งชี้ว่ารัฐบาลกัมพูชากำลังเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนสารพัดรูปแบบ รวมถึงการเป็นทาส การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก และการทรมานที่กระทำในวงกว้างโดยกลุ่มอาชญากรรมในศูนย์สแกมเมอร์กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ

 

ผู้รอดชีวิตที่ให้สัมภาษณ์ในรายงาน ‘ฉันคือทรัพย์สินของคนอื่น’ ต่างเชื่อว่าตนสมัครทำงานปกติ แต่กลับถูกจับค้ามนุษย์มายังกัมพูชา ถูกกักขังในศูนย์ลักษณะเหมือนเรือนจำ และถูกบังคับให้ทำงานมิจฉาชีพออนไลน์ในอุตสาหกรรมมืด มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่หลอกเหยื่อทั่วทั้งโลก 

 

แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า การถูกหลอก ถูกจับค้ามนุษย์ และถูกกดขี่ ผู้รอดชีวิตจากศูนย์เหล่านี้เล่าว่าตนติดอยู่ในฝันร้าย เพราะถูกบังคับให้เข้าองค์กรอาชญากรรมที่กระทำการภายใต้ความยินยอมที่เห็นได้ชัดของรัฐบาลกัมพูชา

 

“ผู้หางานจากเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ถูกหลอกล่อด้วยคำสัญญาว่ามีงานที่ให้ค่าตอบแทนสูง แต่ท้ายสุดพวกเขากลับถูกส่งเข้าค่ายแรงงานนรกที่ดำเนินการโดยขบวนการอาชญากรรม และถูกบังคับให้หลอกลวงผู้อื่นโดยถูกข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงอย่างจริงจัง 

 

“งานวิจัยของแอมเนสตี้เปิดโปงวิกฤตการณ์ที่น่าหวาดกลัวนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กัมพูชาดำเนินการไม่มากพอในการปราบปราม ความล้มเหลวนี้ทำให้เครือข่ายอาชญากรรมที่แผ่ขยายข้ามพรมแดนเหิมเกริมยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนนับล้านได้รับผลกระทบจากการหลอกลวง”  

 

ข้อค้นพบของแอมเนสตี้บ่งชี้ถึงการประสานงาน และอาจถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดระหว่างหัวหน้าศูนย์ชาวจีนกับตำรวจกัมพูชาที่อยู่เบื้องหลังความล้มเหลวในการสั่งปิดศูนย์เหล่านี้ แม้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนสารพัดอยู่ภายใน

 

‘เงินเดือนสูง มีสระว่ายน้ำ’

 

แอมเนสตี้มีเอกสารรวบรวมข้อมูลที่ครอบคลุมจนถึงปัจจุบัน เป็นรายงานความยาว 240 หน้าที่ระบุถึงศูนย์สแกมเมอร์อย่างน้อย 53 แห่งในกัมพูชา และสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต 58 คนจาก 8 สัญชาติที่รวมเด็กจำนวน 9 คน แอมเนสตี้ยังมีการตรวจสอบบันทึกผู้เสียหายจากศูนย์เหล่านี้อีก 336 ราย ผู้ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวคือผู้ที่หลบหนีออกมา ได้รับการช่วยเหลือ หรือครอบครัวจ่ายค่าไถ่ให้ปล่อยตัว 

 

คำให้การของพวกเขาเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปฏิบัติการอาชญากรรมที่รุนแรงและแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ซึ่งมักดำเนินการในความรับรู้ของทางการของกัมพูชาที่ดำเนินการตอบโต้ได้ไร้ประสิทธิภาพ และมีการทุจริตมาเกี่ยวข้องในบางครั้ง จนแสดงถึงการยอมรับและชี้ถึงความเกี่ยวข้องของรัฐในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น 

 

*ลิซ่า ผู้รอดชีวิตวัย 18 ปีที่หางานทำช่วงปิดเทอมที่ประเทศไทยก่อนถูกจับค้ามนุษย์ เล่าว่า “[นายหน้า] บอกว่าจะให้ทำงานฝ่ายธุรการ ส่งรูปโรงแรมมีสระว่ายน้ำมาให้ เงินเดือนก็ดีมาก”

 

แต่ท้ายสุดลิซ่ากลับถูกพาตัวข้ามแม่น้ำหลบเข้ากัมพูชาตอนกลางคืน และถูกคุมตัวไว้ยาวนานกว่า 11 เดือน โดยมียามที่มีอาวุธครบคอยจับตา พร้อมบังคับให้ทำงานหลอกลวง พอเธอพยายามหลบหนี เธอก็ถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง 

 

“มันซ้อม [พวกเขา] จนตัวม่วง”

ตลอดการทำรายงาน 18 เดือน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ลงพื้นที่ศูนย์สแกมเมอร์ 52 จาก 53 แห่งใน 16 เมืองทั่วกัมพูชา และตรวจสอบสถานที่คล้ายกันอีก 45 แห่งที่ต้องสงสัยว่าเป็นศูนย์สแกมเมอร์ อาคารหลายแห่งเคยเป็นคาสิโนหรือโรงแรมที่ถูกดัดแปลงโดยกลุ่มอาชญากรรมที่มีสมาชิกส่วนมากเป็นชาวจีน หลังรัฐบาลกัมพูชาสั่งห้ามพนันออนไลน์ในปี 2562 

 

ศูนย์เหล่านี้มีลักษณะเหมือนออกแบบมาเพื่อกักขังคน พร้อมติดกล้องวงจรปิด ลวดหนามรอบกำแพง และมียามถือกระบองไฟฟ้าจำนวนมาก บางรายมีอาวุธปืน ผู้รอดชีวิตหลายคนเล่าว่า “ไม่มีทางหนี”

 

ความล้มเหลวชัดเจนของรัฐบาลกัมพูชา 

 

รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่ารัฐบาลกัมพูชาล้มเหลวในการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่แพร่กระจายในศูนย์สแกมเมอร์ ทั้งที่ได้รับแจ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

มอนต์เซ เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ทางการกัมพูชารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในศูนย์สแกมเมอร์ แต่กลับปล่อยให้ดำเนินต่อไป ข้อค้นพบของเราเผยให้เห็นรูปแบบความล้มเหลวของรัฐที่เอื้อให้อาชญากรรมเฟื่องฟู และทำให้เกิดคำถามต่อแรงจูงใจของรัฐบาล

 

รัฐบาลอ้างว่ากำลังแก้ปัญหาวิกฤตสแกมเมอร์ผ่านคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์กัมพูชา (NCCT) และคณะทำงานระดับกระทรวงหลายชุดที่ควบคุมตำรวจในการ ‘ช่วยเหลือ’ เหยื่อจากศูนย์สแกมเมอร์หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ศูนย์สแกมเมอร์กว่า 2 ใน 3 ที่ระบุในรายงานยังคงดำเนินการอยู่ แม้ถูกตำรวจบุกและ ‘ช่วยเหลือ’ แล้วก็ตาม มีสื่อมวลชนรายงานอย่างกว้างขวางว่าศูนย์แห่งหนึ่งในอำเภอโบตุมซาโกร์ทำการค้ามนุษย์ และตำรวจได้เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหยื่อหลายครั้ง ทว่าสถานที่ดังกล่าวยังดำเนินการอยู่

 

ความล้มเหลวของตำรวจเกิดจากการร่วมมือหรือประสานงานกับหัวหน้าศูนย์ ตัวอย่างเช่น ในการ ‘ช่วยเหลือ’ หลายครั้ง ตำรวจไม่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในศูนย์ แต่แค่ไปพบผู้จัดการหรือยามที่ประตูเพื่อรับตัวผู้ร้องขอความช่วยเหลือออกมา จากนั้นธุรกิจภายในจึงดำเนินต่อตามปกติ 

 

ผู้รอดชีวิตบางรายระบุว่าถูกลงโทษและถูกซ้อมหลังผู้จัดการล่วงรู้ว่าพวกเขาพยายามติดต่อตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างลับๆ ผู้รอดชีวิตชาวเวียดนามคนหนึ่งบอกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า ตำรวจ “ทำงานให้ศูนย์และจะรายงานคำขอความช่วยเหลือให้หัวหน้าศูนย์”

 

ผู้ที่ถูก ‘ช่วยเหลือ’ จากศูนย์มักถูกคุมตัวต่อที่ศูนย์กักกันคนเข้าเมืองในสภาพย่ำแย่นานหลายเดือน เพราะทางการกัมพูชาไม่ยอมรับพวกเขาเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และไม่ให้การสนับสนุนตามหลักกฎหมายสากล

 

ขณะเดียวกัน ทางการกลับมุ่งเป้าไปที่ผู้เปิดโปงปัญหาศูนย์สแกมเมอร์ มีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนหลายรายที่ทำข่าวนี้ถูกจับกุม ขณะเดียวกันยังมีนิตยสารข่าว Voice of Democracy ที่ถูกสั่งปิดในปี 2566 เพื่อตอบโต้การรายงานเรื่องวิกฤตสแกมเมอร์

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ส่งข้อค้นพบไปยัง NCCT ที่ตอบกลับด้วยข้อมูลที่คลุมเครือในการแทรกแซงศูนย์ โดยไม่มีการชี้แจงว่ารัฐได้ระบุข้อมูล สืบสวน หรือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นใด นอกจากการลิดรอนเสรีภาพ ทั้งยังไม่อธิบายชี้แจงข้อมูลรายชื่อศูนย์สแกมเมอร์หรือสถานที่น่าสงสัยที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลส่งให้ 

 

เฟอร์เรอร์กล่าวว่า “รัฐบาลกัมพูชาสามารถหยุดการละเมิดเหล่านี้ได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ การแทรกแซงของตำรวจที่บันทึกไว้ดูจะเป็นเพียง ‘การสร้างภาพ’ เท่านั้น”

 

FYI: ภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รัฐกัมพูชามีหน้าที่รับประกันว่าไม่มีบุคคลใดถูกจับเป็นทาส ถูกจองจำรับใช้ หรือถูกบังคับใช้แรงงาน รัฐมีหน้าที่คุ้มครองเด็กจากการถูกนำมาแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และต้องป้องกัน ห้ามปราม สืบสวน และดำเนินคดีต่อการทรมานทั้งหลาย รัฐบาลกัมพูชาต้องสืบสวน ดำเนินคดี และพิพากษาคดีการค้ามนุษย์ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลทั่วไปก็ตาม และต้องระบุตัวเหยื่อการค้ามนุษย์และให้การเยียวยา พร้อมดำเนินมาตรการรับรองว่าปฏิบัติการ ‘ช่วยเหลือ’ ผู้ถูกค้ามนุษย์จะไม่สร้างความเสียหายต่อสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้เสียหายเพิ่มเติม

 

หมายเหตุ: *ผู้รอดชีวิตทุกคนใช้ชื่อสมมติเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising