พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยแพร่แถลงการณ์ในวันนี้ (11 พฤศจิกายน) ชี้แจงสื่อมวลชนในประเทศและต่างประเทศ กรณีเหตุทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบ ทุ่นระเบิด โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ และอ้างว่า ทหารไทยได้ลาดตระเวนเข้าไปในพื้นที่ทุ่นระเบิดเก่าจากความขัดแย้งในอดีต
ขณะที่ยืนยันว่านับตั้งแต่เข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา กัมพูชา ได้ปฏิบัติตามหลักการและพันธกรณีของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีการใช้หรือติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือน และเรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนในพื้นที่ทุ่นระเบิดเก่า
พร้อมทั้งแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับไทย เพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างหลักประกันความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือน ตามปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทยที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยเนื้อหาแถลงการณ์ทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้
พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม ขอแจ้งต่อสาธารณชนทั้งสื่อมวลชนในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้
กระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บขณะลาดตระเวนเข้าไปในทุ่นระเบิดอันเป็นร่องรอยของความขัดแย้งในอดีต
ในขณะเดียวกัน พบว่าตั้งแต่วานนี้ (10 พฤศจิกายน) จนถึงวันนี้ (11 พฤศจิกายน)สื่อมวลชนไทยหลายสำนักได้เผยแพร่รายงานข่าวโดยอ้างอิงคำกล่าวอ้างของผู้นำและเจ้าหน้าที่ทหารไทยที่กล่าวหากัมพูชาว่าวางทุ่นระเบิดใหม่ ทำให้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและได้รับบาดเจ็บสาหัส ในจังหวัดพระวิหาร ซึ่งกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยที่มีต่อกัมพูชาอย่างหนักแน่น
กระทรวงกลาโหมยืนยันอย่างหนักแน่นว่า นับตั้งแต่กัมพูชาเข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา กัมพูชายังคงปฏิบัติตามหลักการและพันธกรณีของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างสมบูรณ์และสม่ำเสมอ กัมพูชาขอยืนยันว่าไม่ได้ใช้หรือติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือน
เป็นความจริงที่ว่า แม้จะมีความพยายามอย่างไม่ลดละตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาในการกำจัดทุ่นระเบิด แต่ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิดซึ่งเป็นเศษซากจากความขัดแย้งในอดีตยังคงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือนชาวกัมพูชาในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดนระหว่างกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงประเทศไทย
ในบริบทนี้ กระทรวงกลาโหมขอเรียกร้องให้ประเทศไทยหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนในพื้นที่ทุ่นระเบิดเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นเขตปนเปื้อนทุ่นระเบิดอันเป็นผลมาจากความขัดแย้งในอดีต เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากทุ่นระเบิดเก่าที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดที่ไม่จำเป็น
กองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา ระบุว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว กองกำลังทหารทั้งสองในแนวหน้าได้ติดต่อสื่อสารกัน และจนถึงขณะนี้ สถานการณ์ยังคงสงบ โดยไม่มีรายงานความตึงเครียดใดๆ
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศไทย เพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างหลักประกันความมั่นคงและความปลอดภัยของพลเรือน ตามปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทยที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025
อ้างอิง :


