วันนี้ (19 กรกฎาคม) รายงานจากสำนักปฏิบัติการทุ่นระเบิดและการช่วยเหลือผู้เสียหายแห่งกัมพูชา (CMAA) เปิดเผยว่า กัมพูชาพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม (ERW) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 จำนวน 40 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับตัวเลข 26 รายในช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายงานระบุว่า กัมพูชาพบประชาชนเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 23 ราย และสูญเสียอวัยวะอีก 7 ราย ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวประกอบด้วยผู้ชาย 27 ราย ผู้หญิง 1 ราย และเด็ก 12 ราย
ช่วงระหว่างปี 1979 จนถึงเดือนมิถุนายน 2022 ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามได้คร่าชีวิตประชาชน 19,818 รายแล้ว และส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะอีก 45,186 ราย
กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามมากที่สุดในโลก โดยในช่วงสงครามและความขัดแย้งภายในยาวนาน 3 ทศวรรษที่สิ้นสุดในปี 1998 มีทุ่นระเบิดและอาวุธอื่นๆ ถูกทิ้งไว้ในกัมพูชาราว 4-6 ล้านชิ้น
อนึ่ง ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเยลระบุว่า สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดราว 230,516 ลูก ในพื้นที่ 113,716 จุดทั่วกัมพูชา ระหว่างปี 1965-1973
หลี ทุจ รองประธานคนแรกของ CMAA กล่าวว่า กัมพูชากำจัดพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม 2,410 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลกว่า 1.1 ล้านชิ้น ทุ่นระเบิดทำลายยานพาหนะมากกว่า 26,000 ชิ้น และวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ทว่ากัมพูชายังต้องกำจัดพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดดังกล่าวที่เหลืออีก 716 ตารางกิโลเมตร
ทุจกล่าวอีกว่า ชาวกัมพูชาราว 1 ล้านคนยังคงใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว และทำงานในพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้างอยู่ อย่างไรก็ดี กัมพูชาตั้งเป้ากำจัดอาวุธตกค้างเหล่านี้ภายในปี 2025 และต้องการงบประมาณอย่างน้อย 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.29 พันล้านบาท) เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว