วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) เวลา 08.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าพบ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานกรณีร่วมกับตำรวจกัมพูชาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และหารือถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ก่อนการหารือ พล.ต.อ. ธัชชัย เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจกัมพูชาในการเข้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า เป็นความร่วมมือของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายให้ประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา และในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้เห็นว่าตำรวจกัมพูชากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในนั้นมีทั้งคนไทยและต่างชาติ เบื้องต้นมีตัวเลขคนไทย 125 คน และต้องรอยืนยันตัวเลขอีกครั้ง เนื่องจากต้องเข้าตรวจค้นพื้นที่บางจุดเพิ่มเติม นี่คือความร่วมมือในการทำงานร่วมกันระหว่างนายกฯ ของทั้งสองประเทศ ซึ่งการปราบปรามไม่จำกัดเฉพาะคนไทย แต่จะเห็นว่ามีคนต่างชาติที่อยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
เมื่อถามถึงขั้นตอนหลังจากนี้ทางกัมพูชาจะรับไปดำเนินการตามกฎหมายต่อใช่หรือไม่ พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของกฎหมายของกัมพูชา ซึ่งตำรวจกัมพูชาจะเก็บพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป
เมื่อถามถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ตอนนี้ได้ตั้งชื่อแล้วหรือไม่นั้น พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า จะเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างไทยและกัมพูชา หลังจากนี้จะต้องไปดำเนินการ
เมื่อถามว่า จุดที่ตำรวจกัมพูชาเข้าไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือว่าครบเกือบทุกจุดหรือไม่ พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า ยังคงต้องรอดู แต่ต้องขอขอบคุณกัมพูชาที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการทำงานกับไทยอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า เปอร์เซ็นต์ที่คนไทยถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่มาจากฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา หรือฝั่งประเทศกัมพูชามากกว่ากัน พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า คนไทยที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกส่วนใหญ่จะมาจากกัมพูชาและ สปป.ลาว แต่ในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา เราจะเห็นภาพการใช้บัญชีม้าในการโอนเงิน แต่จะไม่เห็นภาพคนไทยถูกหลอกอยู่ที่นั่น ในเบื้องต้นตัวเลขคนไทยที่ทางการเมียนมาได้ให้ความช่วยเหลือยังไม่เห็นคนไทยเกี่ยวข้องอยู่ในพื้นที่เมียวดี
