×

กต.กัมพูชา ปฏิเสธไทยกล่าวหาวางทุ่นระเบิดใหม่ อ้างทหารไทยเบี่ยงเส้นทางลาดตระเวนล้ำดินแดน ชี้จุดเกิดเหตุไม่เคยเคลียร์ทุ่นระเบิด

22.07.2025
  • LOADING...
กระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากไทยกรณี ทุ่นระเบิด ชายแดน

กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์วานนี้ (21 กรกฎาคม) ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

 

โดยมีเนื้อหาตอบโต้แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศไทย ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งมีการประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อันถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ภายหลังเกิดเหตุทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ระหว่างการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

โดยรัฐบาลกัมพูชายืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง และชี้ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริง

 

“ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในเจตนารมณ์และเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้” 

 

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาอ้างว่า เหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิดดังกล่าว เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร และอ้างว่าเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา ตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ภายใต้อนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907

 

โดยกัมพูชา ยังอ้างว่า ทหารไทยได้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว โดยเบี่ยงเบนจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา และอ้างว่า เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543 (MOU 2543) ซึ่งกำหนดให้มีการกำหนดเขตแดนร่วมกันและห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเขตแดน และยืนยันว่ากัมพูชาได้มีการเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด

 

“แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยยังคงออกแถลงการณ์ที่ประมาทเลินเล่อและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเป็นเท็จ ว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่เกิดการระเบิดจนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ

 

ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในดินแดนกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและยอมรับความรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยุติการกระทำดังกล่าวโดยทันที และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขการบิดเบือนข้อเท็จจริง”

 

เดินหน้าเรียกร้องขึ้นศาลโลก

 

กัมพูชา ยังยืนยันข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ว่าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม โดยชี้ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในการแก้ไขข้อพิพาท

 

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุข้อมูลในรายงานจากหน่วยงานความมั่นคง โดยยืนยันว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง”

 

“รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและ บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising