Call Me Chihiro ขอให้ทุกคนค้นพบสถานที่ที่เราได้นั่งกินอาหารด้วยความ ‘อร่อย’ อย่างแท้จริง

Call Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะเรื่องเยี่ยมอย่าง Chihiro-san ของนักเขียน ฮิโรยูกิ ยาสุดะ มานำเสนอในรูปแบบไลฟ์แอ็กชัน โดยได้ คาซุมิ อาริมุระ มาสวมบทเป็นอดีตสาวขายบริการ ผู้เป็นที่พักพิงทางใจให้แก่ผู้คน

โดยในฉบับภาพยนตร์จะบอกเล่าเรื่องราวของ จิฮิโระ (คาซุมิ อาริมุระ) อดีตสาวขายบริการที่ตัดสินใจออกเดินทางมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำงานในร้านขายเบนโตะ ณ เมืองริมทะเลแห่งหนึ่ง ด้วยนิสัยของเธอที่เป็นคนตรงๆ และดำเนินชีวิตในแบบที่อยากจะเป็น เธอจึงกลายเป็นพี่พักพิงทางใจของผู้คนในเมือง ควบคู่ไปกับการเก็บซ่อนปมปัญหาในอดีตไว้ภายในจิตใจ

Call Me Chihiro เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีกหนึ่งเรื่องที่มีการนำเสนอเรื่องราวอย่างเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่ตึงเครียดมากนัก ซึ่งดูจะสอดคล้องไปกับคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักอย่างจิฮิโระที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นอิสระ ทำในสิ่งที่อยากทำ พูดอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่านิสัยแบบนี้จะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอเป็นคนแปลกๆ ก็ตาม

อีกทั้งด้วยตัวบทภาพยนตร์ที่เลือกจะนำเสนอภูมิหลังและปมปัญหาของจิฮิโระอย่างคลุมเครือ เพื่อให้ผู้ชมได้ลองคาดเดาและเชื่อมโยงเรื่องราวของเธอผ่านบทสนทนาต่างๆ ของตัวละคร ก็ยิ่งเสริมให้ตัวละครตัวนี้มีเสน่ห์และน่าค้นหามากขึ้นกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน ปมปัญหาของเหล่าตัวละครสมทบที่โคจรมาพบกับจิฮิโระเองต่างก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและสามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ในหลากหลายแง่มุมเช่นกัน ทั้ง โอคาจิ (ฮานะ โทโยชิมะ) เด็กสาวมัธยมปลายที่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับครอบครัวเท่าไรนัก, มาโกโตะ (เท็ตตะ ชิมาดะ) เด็กชายที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังเพราะแม่ของเขาทำงานกลางคืน หรือ อุซึมิ (ลิลลี่ แฟรงกี้) อดีตผู้จัดการของจิฮิโระที่ดูจะเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี ฯลฯ

นอกจากนี้ แม้ว่าตัวละครต่างๆ จะมีปมปัญหาที่ชวนให้เราขบคิดแตกต่างกันไป แต่ประเด็นหนึ่งที่ถูกสะท้อนผ่านทุกตัวละครอย่างใกล้เคียงกัน เสมือนเป็นสาระสำคัญที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอ เห็นจะเป็นการชวนเราตามหา ‘สถานที่’ และ ‘ผู้คน’ ที่เราสามารถอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย เป็นที่พักพิงทางใจให้เราได้หลบหนีจากความหมองหม่น และเป็นสถานที่ที่เราสามารถเป็นตัวเองได้อย่างสบายใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงอาจกำลังอวยพรให้เราได้ค้นพบสถานที่ที่เราได้พักพิงและสามารถนั่งกินอาหารด้วยความ ‘อร่อย’ อย่างแท้จริงในสักวัน

พร้อมกันนั้น ประเด็นดังกล่าวยังสะท้อนให้เราเห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่า เราเองก็สามารถเป็นสถานที่ปลอดภัยให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน ขอเพียงแค่ลองเปิดใจและรับฟังคนคนนั้นอย่างจริงใจ แม้เราอาจจะไม่สามารถเข้าใจคนคนนั้นได้ทั้งหมดก็ตาม

ในภาพรวมแล้ว Call Me Chihiro เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและสร้างรอยยิ้มให้เราได้เมื่อดูจบ ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่เรียบง่าย แต่ก็ทำให้เราดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของเมืองริมทะเลที่ให้ความรู้สึกสดชื่น และเหล่าตัวละครต่างๆ ที่ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะจิฮิโระที่มีมิติให้เราได้เข้าไปสำรวจ พร้อมทั้งยังสามารถถอดบทเรียนชีวิตจากเธอได้ในหลากหลายแง่มุมอีกด้วย

สามารถรับชม Call Me Chihiro ได้แล้ววันนี้ ทาง Netflix

รับชมตัวอย่างได้ที่