วานนี้ (28 เมษายน) คริษฐ์ ปานเนียม สส. ตาก พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สุรพล วงศ์สุขพิศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก, เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตาก, เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพักคอยกากแคดเมียมที่ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมือง จังหวัดตาก
ซึ่งตั้งแต่วันนี้ (29 เมษายน) เป็นต้นไป ภาครัฐจะเริ่มทยอยขนย้ายกากแคดเมียมที่พบในจังหวัดต่างๆ ทั้งสมุทรสาคร, ชลบุรี และกรุงเทพฯ มาพักไว้ที่จุดนี้ ระหว่างรอการซ่อมบ่อฝังกลบที่ยังไม่แล้วเสร็จ
คริษฐ์กล่าวว่า เดิมทีภาครัฐวางกำหนดการขนย้ายกากแคดเมียมกลับมายังจังหวัดตากในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม แต่อยู่ดีๆ ก็รีบรวบรัดมาเริ่มขนย้ายในวันที่ 29 เมษายน โดยแจ้งประชาชนช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 เมษายน) หรือแค่ 2 วันล่วงหน้า นี่คือกระบวนการทำงานของรัฐราชการไทยแบบลวกๆ ไม่รอบคอบ และไม่ใส่ใจประชาชนหรือไม่ โดยหลังจากได้ลงพื้นที่สำรวจโรงพักคอย ตนพบจุดบกพร่องและมีข้อกังวลใน 5 ประเด็น คือ
- เดิมทีภาครัฐกล่าวว่าจะเปลี่ยนจากการปูพื้นรองกากแคดเมียมด้วยแผ่นดินเหนียวเทียม (GCL) มาเป็นการเทพื้นคอนกรีต แต่วันนี้กลับมีมติว่าจะปูด้วยแผ่นดินเหนียวเทียมเช่นเดิม และที่สำคัญกว่านั้น การวางแผ่นดินเหนียวเทียมจะต้องติดตั้งบนดินที่บดอัดแล้ว ไม่มีกรวดหรือหินขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร แต่สิ่งที่พบคือไม่มีการบดอัดดินแต่อย่างใด เป็นเพียงการใช้ดินลูกรังมาเทเกลี่ยแล้วปูแผ่นดินเหนียวเทียมทับ
“ผมลองเปิดแผ่นดินเหนียวเทียมเองกับมือ เปิดปุ๊บเจอปั๊บ หินก้อนเท่ากำปั้น แล้วแบบนี้จะไว้ใจกันได้อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างเร่งรีบไปหมดโดยไม่มีการเตรียมความพร้อมแบบ 100% แน่นอนว่าเมื่อเราทักท้วง เขาก็ขอแก้ไขและบอกว่าจะรีบดำเนินการ โดยพรุ่งนี้จะรีบจัดรถบดอัดเข้ามาดำเนินการให้” คริษฐ์กล่าว
- ด้านมาตรฐานของแผ่นดินเหนียวเทียม ตนได้สอบถามภาครัฐและเจ้าของโรงงานไปแล้วว่าแผ่นดินเหนียวเทียมมีความหนาเท่าใด มีคุณสมบัติทางวิศวกรรมที่ถูกต้องและสามารถป้องกันการรั่วไหลของกากแคดเมียมได้จริงหรือไม่ แต่กลับยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ทราบเพียงว่าเทียบเท่ากับดินเหนียวสูง 60 เซนติเมตร ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้ทำพื้นคอนกรีต เพราะไม่รู้ว่าจะต้องจัดเก็บกากแคดเมียมไว้ที่โรงพักคอยแห่งนี้นานแค่ไหน และแผ่นดินเหนียวเทียมจะรองรับได้นานเพียงใด
- เดิมมีการเสนอให้ภาครัฐขนย้ายกากแคดเมียมเข้ามายังที่โรงพักคอยนี้โดยตรง ไม่ต้องย้ายถ่ายเทหลายขั้นตอน แต่วันนี้ได้รับคำตอบว่าจะมีการจัดพักไว้บนลานที่ห่างจากจุดโรงพักคอย 200-300 เมตร แล้วจะทำการยกด้วยรถแบ็กโฮใส่รถบรรทุกเคลื่อนย้ายต่อมายังอาคาร คำถามคือระหว่างการขนถ่ายมีมาตรการป้องกันการปนเปื้อนอย่างไร ซึ่งตนได้รับคำตอบเพียงว่า “ปลอดภัยแน่นอน” โดยไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม
- การเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น หากถุงฉีกขาดระหว่างขนย้าย เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง เกิดฝุ่นผง รวมถึงหากเกิดฝนตกทั้งระหว่างการขนย้ายและภายในโรงพักคอยที่ดูเหมือนหลังคาจะมีรูรั่วอยู่หลายจุด จะทำอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้ตนยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ
- ควรมีการตรวจสอบคุณสมบัติของกากแคดเมียมในการปรับเสถียร (Stabilization) ว่ายังคงสภาพเหมือนเดิมหรือไม่ โดยควรจะตรวจสอบทั้งก่อนการขนย้ายและก่อนการนำฝังลงบ่อ ในส่วนนี้ตนถามภาครัฐว่าได้วางแผนไว้หรือไม่ แต่กลับยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนใดๆ ตอบเพียงว่าน่าจะมีการตรวจสอบก่อนปิดบ่อ
คริษฐ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเข้าใจดีว่าภาครัฐต้องการเร่งรัดให้กระบวนการขนย้ายกากแคดเมียมสำเร็จไปโดยเร็ว แต่ก็ไม่ควรกระทำแบบปัดภาระให้พ้นตัว ขาดความรอบคอบและรัดกุม เพราะอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายที่ยากเกินควบคุม และสุดท้ายผลกระทบก็จะตกอยู่กับประชาชน ดังนั้นภาครัฐควรกลับมาทบทวนแผนการขนย้ายให้มีความรัดกุม ปรับสภาพโรงพักคอยและบ่อฝังกลบให้สมบูรณ์ และเปิดให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย
“สิ่งที่รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ท่านลืมไปหมดแล้วหรือ ว่าทุกขั้นตอนจะมีประชาชนรับทราบและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ วันนี้พวกเขาถูกผลักออกจากสมการอีกครั้ง อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเลย วางแผนให้รัดกุมแล้วฟังประชาชนบ้างเถอะครับ” คริษฐ์กล่าว