×

ครม.รับทราบลงนาม MOU แรร์เอิร์ธ เอกนิติแจงเปิดทางลงทุน-สำรวจตามกฎหมายไทย ปูทางเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ จาก 19% หนุนแข่งขันในอาเซียน

โดย THE STANDARD TEAM
28.10.2025
  • LOADING...
ครม.รับทราบ ลงนาม MOU แรร์เอิร์ธ เอกนิติแจง เปิดทางลงทุน-สำรวจตามกฎหมายไทย ปูทางเจรจา ลดภาษี สหรัฐฯ จาก 19% หนุนแข่งขัน ใน อาเซียน

วันนี้ (28 ตุลาคม) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกากับ รัฐบาลราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญระดับโลก และส่งเสริมการลงทุนว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบการลงนามดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยากสร้างความชัดเจนให้ประชาชนได้รับทราบ โดยรายละเอียดของเรื่องดังนี้

 

บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมาย เป็นเพียงข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน เพื่อร่วมมือกันในการพิจารณาร่วมกันคือ เรื่องห่วงโซ่อุปทาน และเรื่องการส่งเสริมความลงทุนแร่หายาก หรือ แรร์เอิร์ธ เพื่อต้องการส่งเสริมการค้าการลงทุน ในอุตสาหกรรมการสำรวจ, การสกัด, การแปรรูป, การกลั่น, การรีไซเคิล, การกู้คืน และการดูแลรักษาแร่หายาก ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นกระบวนการการสำรวจ ไปจนถึงการสกัด รวมไปถึงการรีไซเคิล และการกู้คืน

 

อีกทั้ง การสนับสนุนการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และอุตสาหกรรมการสกัด อีกทั้งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาด คือ การทำให้แร่หายากนำออกมาใช้สู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นการส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

 

ส่วนขอบเขตของการร่วมมือ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการปฏิบัติเป็นเลิศในระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยให้เจ้าหน้าที่ของประเทศภาคี สามารถจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนา และการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และกลไกต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

ทั้งนี้ให้ความสำคัญแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบที่ดี ทั้งการออกใบอนุญาตการลดขั้นตอน เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในโครงการต่างๆ และราคาสินค้าแร่หายาก โดยให้ประเทศภาคี ระหว่าง 2 ประเทศให้การคุ้มครองตลาด โดยการอิงกลไกตลาด ปฏิบัติการทางการค้าอย่างเป็นธรรม รวมไปถึงมาตรฐานการค้าขาย ซึ่งจะทำให้เกิดกลไกการกำหนดราคา และกลไกที่จะทำให้เป็นมาตรฐานสากล

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การตกลงทั้งหมด ทั้งวัตถุประสงค์ และขอบเขตความร่วมมือ เป็นการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก และขอย้ำว่า เป็นความตกลงร่วมมือ ซึ่งไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของประเทศใดประเภทหนึ่ง ประเทศใดแต่สามารถทำได้กับประเทศใดๆ ก็ได้

 

ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และยังไม่มีแหล่งที่มีประสิทธิภาพในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นการลงนามดังกล่าว จะเป็นตัวช่วยเสริมความมั่นคง และเพิ่มห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายาก โดยเฉพาะในด้านการสำรวจ และการใช้ประโยชน์แร่ธาตุที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการลงนามข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีเสถียรภาพ

 

สำหรับการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ที่จะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล ถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุน พร้อมย้ำว่า MOU ฉบับนี้ไม่มีผลทางกฎหมาย แม้ว่า จะมีการลงนามฉบับนี้ ผู้ประกอบการต่าง ๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และคำนึงถึง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน

 

ขณะที่ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เนื้อหาของ MOU กำหนดว่า มีสิทธิ์ที่จะลงทุน และสำรวจ ทั้ง 2 ประเทศ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายภายในของประเทศนั้น ๆ และ MOU เขียนชัดเจนว่า ไม่มีผลผูกพันกับกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ที่จะร่วมมือกันพัฒนาแร่หายาก
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

เลขาธิการกฤษฎีกา ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ทางคณะรัฐมนตรีก็มีข้อห่วงกังวล การประชุมเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นการประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้แสดงความห่วงกังวลในเรื่องนี้ และบอกว่า การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย หากจะมาลงทุนในไทย

 

ส่วนกรณีที่ไทยจะไปลงทุนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศสหรัฐฯ เช่นกัน พร้อมยืนยันว่า การลงนามดังกล่าวไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ เป็นการเฉพาะ แต่เราดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เพื่อให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อยกระดับกฎหมายของไทย ทั้งการค้า การลงทุนกับสหภาพยุโรปด้วย

 

ส่วนคำว่า First opportunity to invest โดยข้อความดังกล่าว หากยกมาข้อความเดียว อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งความจริงแล้วมันเริ่มต้นด้วยคำว่า Participant have first opportunity to invest ซึ่งหมายความว่า การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะผู้เป็นคู่สัญญา

 

แต่ว่าในการดำเนินการนั้น จะต้องยึดกฎหมายของแต่ละประเทศ คือ กฎหมายแร่ ที่ไทยกำหนดไว้ว่า ต้องมีการเปิดประมูลในวิธีการที่เสรีเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization) หรือ WTO ดังนั้นไม่ได้เป็นแต้มต่ออะไร แต่เป็นความสัมพันธ์ตามปกติ

 

ฉะนั้นการอ่านเอกสารต่างๆ ต้องอ่านด้วยความระมัดระวัง เพราะหากใช้ AI ก็จะแปลไปตามข่าว จึงอยากให้ยึดการแปลผ่านตัวภาษาอังกฤษดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุม ครม. นัดพิเศษไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า MOU ดังกล่าว สามารถยกเลิกเมื่อไรก็ได้ และอีกข้อกังวลหนึ่งที่ MOU เขียนไว้ว่า การยกเลิก MOU จะไม่มีผลต่อสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น และหากจะดำเนินการก็ต้องให้กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าตามกฎหมายของไทย

 

เมื่อถามว่า การลงนามดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกาหรือไม่ เอกนิติ กล่าวว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในทุกมิติ ซึ่งเขาค่อนข้างที่จะให้โอกาสประเทศไทย ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง MOU ที่จะให้ร่วมลงทุน และศึกษา แต่ความสัมพันธ์ที่ดี และแน่นแฟ้น จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเจรจาต่อรอง ในเรื่องของการค้าต่างตอบแทน

 

ปัจจุบันนี้สหรัฐอเมริกา ได้เปิดช่องทางในเอกสารแนบท้าย สามารถให้ประเทศที่สหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดี เจรจาต่อรอง เพื่อที่จะสามารถนำสินค้า หรือบริการบางประเภท เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษ ในการที่จะยกเว้นภาษี 19% กรอบใหญ่ หรือจะลดภาษีในบางส่วนของสินค้าบางรายการ ซึ่งต้องนำมาเจรจาต่อไป

 

เอกนิติกล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์การเจรจา ที่เราได้ดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นกรอบการเจรจา ส่วนรายละเอียดต้องลงรายละเอียดกันอีกเยอะ แต่ค่อนข้างเป็นบวกสำหรับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย เพราะประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ตอนนี้ถูกเรียกภาษีอยู่ที่ประมาณ 19% เช่นกัน หากไทยสามารถเจรจาตามกรอบดังกล่าวได้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย

 

ส่วนวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ศาลสหรัฐอเมริกาจะมีการตัดสินคดี เรื่องภาษีศุลกากรต่างตอบโต้ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้ว่า มีความผิดหรือไม่ เอกนิติกล่าวว่า ต้องเตรียมพร้อม และอย่างที่แจ้งไปเรื่องนี้เป็นกรอบการเจรจา เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องดูหลายมิติ และพัฒนาการต่างๆ ซึ่งการค้าระหว่างประเทศในยุคปัจจุบันรวดเร็วมาก ต้องมีการติดตามความคืบหน้า เพื่อใช้เป็นกรอบ และกลยุทธ์ในการเจรจาด้วยเช่นกัน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising