วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้
- ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานความมั่นคง เร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์โดยประสานงานกับทางการจีนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในที่ประชุมครม.วันนี้ก่อนเวลา 12.00 น. จะมีการออกคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงของไทย ที่มีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์
- การตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ ของรักษาการเลขาธิการ กสทช.ที่ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะฝั่งอำเภออรัญประเทศ สระแก้ว ตรงข้ามปอยเปต ยังไม่ตอบสนองมากนัก ในขณะเดียวกันในฝั่งตะวันตกตรงข้ามอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ขอให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด
- ส่วนด้านมนุษยธรรม รัฐบาลไทยได้เปิดรับผู้ป่วยจากประเทศเมียนมาให้เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลของไทยได้ และอนุญาตให้รถยนต์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเติมน้ำมันได้
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในที่ประชุมว่า เตรียมสรุปมาตรการที่รัฐบาลไทยดำเนินการไปภายในเวลา 15 วัน และ 30 วัน และสั่งการให้กสทช.ตัดสัญญาณได้ทันทีหากพบว่ามีการเชื่อมสัญญาณไปยังตึกใดๆ ที่ส่อลักษณะไปเอื้อสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เคาะเงินชดเชยรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรีลดฝุ่น 190.43 ล้านบาท
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบกลางปี 2568 เพื่อจ่ายชดเชยให้กับมาตรการลดผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ระยะวิกฤติระหว่างวันที่ 25 – 31 มกราคม 68 วงเงิน 190.43 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ขสมก. 56 ล้านบาท
- BTS และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 133 ล้านบาท
- การรถไฟแห่งประเทศไทย 4.8 ล้านบาท
- กทม. 780,000 บาท
สุริยะกล่าวว่า การเบิกจ่ายสามารถทำได้เลยไม่มีปัญหา และได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการแล้วว่าสามารถรอได้ เมื่อครม.อนุมัติก็จะมีการจ่ายเงินให้ พร้อมยืนยันว่า เป็นการตัดสินใจดำเนินการโครงการเพื่อบรรเทาปัญหา ซึ่งถือเป็นการแก้วิกฤติในช่วงสัปดาห์นั้น ส่วนในระยะยาวกระทรวงการต่างประเทศและด้านความมั่นคงจะต้องไปดำเนินการพูดคุยกับเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในระยะกลางและระยะยาว
อนุมัติเงินช่วยเหลือพลทหาร-นายพลเกษียณก่อนกำหนด
คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับลดกำลังพลและนายทหารชั้นนายพล
ซึ่งโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดจะจูงใจข้าราชการทหารที่ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายทหารปฏิบัติการและประจำหน่วย ให้ลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการโดยสมัครใจ เพื่อลดความคับคั่งของกำลังพลในกลุ่มชั้นยศสูง ตามที่กำหนด
- ทหารชั้นยศ พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกขึ้นไป ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายทหารปฏิบัติการ
- ประจำหน่วยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- มีเวลาราชการ 25 ปีขึ้นไป (ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ) ที่ลาออกจากราชการ
- ก่อนเกษียณอายุได้รับสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อน 7-10 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย รวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินหรือค่าตอบแทนพิเศษอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 10 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย รวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)
- สิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินก้อนที่ได้รับตามโครงการ การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินที่ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดจะใช้เงินงบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมภายในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท โดยไม่ต้องของบกลางเพิ่มเติม ระยะเวลาการดำเนินโครงการ 3 ปี คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ รวม 3 ปี ประมาณ 732 นาย (ปีละ 244 นาย)