พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.สุพรรณบุรี เพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง จากนั้นในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) จะประชุม ครม. สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี เพื่อเข้ากราบสักการะหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ และห่มผ้าองค์หลวงพ่อโตในพระวิหาร จากนั้น เข้ากราบนมัสการพระธรรมพุทธิมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์
โดยช่วงหนึ่งเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ กล่าวกับนายกรัฐมนตรีว่า “เวลามีเรื่องอะไร เครียด ให้หายใจเข้าลึกๆทางจมูก หายใจออกทางปาก แล้วนับหนึ่งถึงสิบ”
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า “จะพยายามทำให้ได้ แต่นับถึงสามก็โมโหแล้ว”
จากนั้น เจ้าอาวาสได้มอบหนังสือสวดมนต์และองค์หลวงพ่อโตให้กับนายกรัฐมนตรี
จากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ได้นำคณะ ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง รวมถึงพบปะประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวถึงโรดแมปการเลือกตั้ง ว่าไม่สามารถระบุวัน-เวลาตายตัวได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขั้นวันที่เท่าใด เพราะทุกอย่างมีกระบวนการตามกฎหมาย กฎหมายลูกเสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น กฎหมายมีวิธีการอยู่แล้ว ไม่ใช่ประกาศเลือกตั้งวันนี้ พรุ่งนี้ได้รัฐบาล
“ทำไมต้องให้ผมมาบอกว่าเลือกตั้งวันที่เท่าไร พอผมบอกไปวันนี้วันนั้น แล้วทำไม่ได้ก็ถูกมองว่าสืบทอดอำนาจ ยื้อเอาไว้ ปัดโธ่ เชื่อเขาเหรอ ขอให้เชื่อผม ผมพูดขนาดนี้แล้ว พอได้แล้ว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า มีทั้งคนด่าทอขับไล่ และคนให้กำลังใจให้อยู่ไปนานๆ โดยส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาทำหน้าที่อีกนานเท่าใด แต่ยิ่งอยู่นานคนไทยขี้เบื่อ พร้อมยกนิทานอีสป ‘กบเลือกนาย’ ว่าขอให้เลือกให้ถูก ไม่ใช่ไปเลือกนกกระสาเข้ามาอีก ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ด่าใคร ใครไม่เกี่ยวก็อย่าเดือดร้อน
สำหรับกำหนดการลงพื้นที่ ครม. สัญจร ต่อจากนี้นั้น พล.อ. ประยุทธ์ เดินทางไปสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ในพื้นที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อเยี่ยมชมผลการดำเนินงานของโรงเรียนข้าวนาแปลงใหญ่ ศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร และจะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับนักเรียนชาวนาและชาวสุพรรณบุรี
ส่วนในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยัง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการทุ่งรับน้ำ รวมถึงพบปะประชาชน ก่อนจะไปประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง และผู้แทนภาคเอกชน โดยภาคเอกชนเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีในเรื่องการสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำ โดยสร้างฐานข้อมูลน้ำภาคอุตสาหกรรม เพื่อการบริหารจัดการน้ำด้วยวิธีบินสำรวจทางธรณีฟิสิกส์และไลดาร์ และเพิ่มพื้นที่สำรองน้ำหลากในพื้นที่ภาคกลางให้เป็น 3 พันล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสนับสนุนให้มีคลองขวาง หลังพื้นที่ภาคกลางประสบปัญหาน้ำแล้ง และน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนการประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) จะใช้มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาเป็นสถานที่ประชุม โดยมีวาระพิจารณาแผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และทิศทางการพัฒนาภาคกลางสู่มหานครทันสมัยและเป็นฐานการเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เส้นทางขนส่ง 2 ฝั่งทะเล
สำหรับการลงพื้นที่ประชุม ครม. สัญจร ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน หลังเพิ่งประชุมครม. สัญจรที่ จ.นครราชสีมา ไปเมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ ห่างหายการลงพื้นที่ ครม. สัญจรไปกว่า 2 ปี ครั้งล่าสุดก่อนครม. สัญจร จ.นครราชสีมา คือ การประชุมครม. สัญจร จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2558