วันนี้ (24 มกราคม) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กรอบวงเงิน 34,800 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครการกลุ่มที่ 3 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 โดยรัฐสนับสนุนเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการนวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะจากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ (1 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2565) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มอุปสงค์การบริโภคและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนในสถานการณ์ที่ราคาสินค้าสูงขึ้น
นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 4 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกระทรวงการคลัง กรอบวงเงิน 8,070.7242 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 2 กรอบวงเงิน 1,351.9812 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 โดยเป็นการสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นระยะเวลา 3 เดือน (1 กุมภาพันธ์ – เมษายน 2565) รวมจำนวนไม่เกิน 600 บาทต่อคนต่อเดือน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ มีรายได้ลดลง และไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และสามารถดำรงชีพอยู่ในสภาวะวิกฤต รวมทั้งส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ