รมว.คลัง เผย ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติกองทุน ThaiESG Extra ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ลงทุนรวมวงเงิน 8 แสนบาท แบ่งเป็นการย้ายเงินลงทุนจากกองทุน LTF เดิม รวมวงเงิน 500,000 บาท และการลงทุนใหม่ภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน รวมวงเงิน 300,000 บาท
วันนี้ (11 มีนาคม) พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติกองทุน ThaiESG Extra ที่เน้นการลงทุนในหุ้นไทยที่โดดเด่นด้าน ESG เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ยังคงถือครองกองทุน LTF เดิมที่ครบกำหนดระยะเวลาถือครองไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบันคิดเป็นคิดเป็นเม็ดเงินราว 180,000 ล้านบาท
โดยผู้ที่ย้ายเงินลงทุนจากกองทุน LTF มาเป็นกองทุน ThaiESG Extra จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวม 500,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2568 ไม่เกิน 300,000 บาท และอีก 200,000 บาทจะให้สิทธิในปีที่ 2 ถึงปีที่ 5 ปีละ 50,000 บาท
นอกจากนี้ผู้ที่ลงทุนใหม่ใน ThaiESG Extra ภายในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมอีก 300,000 บาท เมื่อนำไปรวมกับสิทธิประโยชน์จากกองทุน ThaiESG ปกติ อีก 300,000 บาท จะทำให้ผู้ที่ลงทุนทั้ง ThaiESG Extra และ ThaiESG ปกติ ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมไม่เกิน 900,000 บาท ในปีนี้ และอีก 200,000 บาทในอีก 4 ปีข้างหน้า (ปี 2569-2572) รวมทั้งหมดเป็นไม่เกิน 1,100,000 ล้านบาทจากการลงทุนในปีนี้
พิชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยกับบริษัทจดทะเบียนต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ESG และช่วยให้บริษัทต่างๆ ปรับตัว และปรับปรุงธุรกิจ
ส่วนสถานการณ์หุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนต่ำกว่า 1,200 จุด พิชัยมองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โลก โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศคู่ค้า ทั้งเม็กซิโก แคนาดา และจีน ส่งผลกระทบหมดทั้งหมด เพราะประเทศเหล่านี้ก็เป็นคู่ค้าของประเทศอื่นๆ ด้วย
หากพิจารณาดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง Nasdaq ลงมาเกือบ 10% จากต้นปี ส่วนหุ้นไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าหุ้นในกลุ่ม ESG ของไทยอยู่ระหว่างการปรับตัวและผลประกอบการดี หุ้นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่นักลงทุนควรให้ความสนใจระยะยาว
นอกจากนี้ยังมีมาตรการอีกหลายอย่างเพื่อเรียกความเชื่อมั่น รวมทั้งการออกกฎหมายให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการในหลายด้านได้อย่างเร่งด่วน คาดว่าจะขออนุมัติจากครม.ได้ในอีก 2 สัปดาห์
ด้าน ศ. ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สำนักงานจะมีการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการจัดตั้งกองทุน ThaiESG Extra กองใหม่ ซึ่งจะคาดว่ามีการเปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนเท่านั้น โดยจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นวงเงินสูงสุด 300,000 บาท ซึ่งจะเป็นมาตรการระยะสั้นสำหรับโครงการนี้เท่านั้น เพื่อเป็นการดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ตลาดหุ้น
โดยไม่นับรวมกับวงเงินลดหย่อนภาษีของกองทุน ThaiESG เดิมที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นวงเงินสูงสุด 300,000 บาท
สำหรับนักลงทุนที่ถือหน่วยกองทุน LTF แล้วมีความต้องการ Switch มาเป็นกองทุน ThaiESG Extra สำนักงาน ก.ล.ต. จะมีการแจ้งเงื่อนไขให้ทราบอีกครั้ง
“นักลงทุนที่ถือ LTF แล้วต้องการ Switch มา ThaiESG Extra ก็จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่ม แต่ไม่ได้บังคับว่าต้อง Switch มา หากต้องการขายก็ทำได้ปกติ แต่ถ้า Switch มาก็ต้องถือต่อให้ครบ 5 ปีตามเงื่อนไข ซึ่ง ก.ล.ต. เตรียมเร่งอนุมัติกองทุน ThaiESG Extra ใหม่ เพื่อรองรับ LTF ที่จะ Switch มากับเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่เตรียมให้ซื้อ ThaiESG Extra ได้ในช่วงในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนเท่านั้น”
ขณะที่ ไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO), นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า มองว่ามาตรการที่ออกมาเป็นผลดีกับตลาดหุ้นไทย เพราะคาดว่าจะช่วยชะลอแรงขายจากกองทุน LTF เดิมที่ครบอายุลง อีกทั้งจะเป็นการดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ ให้เข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยด้วย
“ถือเป็นวงเงินที่น่าจูงใจ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 900,000 บาท ในปีนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้วงเงินเท่านี้” ไพบูลย์กล่าว
อย่างไรก็ดี มีความเห็นว่ายังคงต้องติดตามในวิธีปฏิบัติของการ Switch จาก LTF มาเป็น ThaiESG Extra เพราะโดยหลักการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) การ Switch กองทุนจะต้องมีการขายหุ้นที่อยู่ในกองทุนเดิมที่เป็นกองทุนคนละประเภทเพื่อนำมาลงทุนในกองทุนใหม่ ซึ่งอาจเห็นแรงขายหุ้นออกมาด้วยในระยะสั้นว่าจะมีการดูแลในประเด็นนี้อย่างไร