วันนี้ (22 กันยายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลผู้มีรายได้น้อย ยิ่งในเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้าใจดีว่ามีความเดือดเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา ครม. ได้เห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง วันนี้ ครม. จึงมีมติอนุมัติขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาออกไป 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนกันยายน 2564 โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 13.9 ล้านคน คิดเป็นครัวเรือนประมาณ 8 ล้านครัวเรือน ซึ่ง 1 ครัวเรือนสามารถใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น
สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา รายละเอียดเป็นไปตามมติเดิมที่ ครม. เคยอนุมัติไปแล้ว ซึ่งประกอบด้วย
- ค่าไฟฟ้า กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการปัจจุบัน แต่กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าทั้งหมด
- ค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกินวงเงินผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าน้ำประปาทั้งหมด
สำหรับงบประมาณในส่วนค่าไฟฟ้า จำนวน 1,390 ล้านบาทต่อปี ค่าน้ำประปา จำนวน 33.5 ล้านบาทต่อปี รวมงบประมาณทั้งสิ้น 1,423.5 ล้านบาทต่อปี โดยใช้งบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่กองทุนประชารัฐ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า