×

เจาะกลยุทธ์ BYD เมื่อการ ‘สเกลเทคโนโลยี’ ผสานกับ ‘ท้องถิ่น’ คือกุญแจครองตลาด EV ทั่วโลก

29.10.2025
  • LOADING...

ในจังหวะที่ BYD (บีวายดี) ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายอดขายอันดับหนึ่งของโลก และครองส่วนแบ่งตลาดอย่างโดดเด่นในประเทศไทย เสียงชื่นชมในนวัตกรรมกลับมาพร้อมกับคำถามสำคัญที่ทั่วโลกจับตา ตั้งแต่ข้อกล่าวหาเรื่องเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน แรงกระเพื่อมจากสงครามการค้า ไปจนถึงความกังวลของผู้บริโภคชาวไทยต่อปัญหา ‘ติดดอย’

 

The Secret Sauce คุยกับ Liu Xueliang General Manager, BYD Asia Pacific Auto Sales Division สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดยเขาเปิดมุมมอง วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์เบื้องหลังการเติบโตของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้อย่างหมดเปลือก

 

จากโรงงานแบตเตอรี่ สู่ ‘บริษัทเทคโนโลยีที่ทำรถยนต์’

 

จุดเริ่มต้นของ BYD ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ราวปี 1994 ไม่ได้เริ่มต้นในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นโรงงานเล็กๆ ที่ผลิตแบตเตอรี่มือถือให้กับ Nokia และ Motorola

 

หลิวเน้นย้ำว่า แก่นปรัชญาของ BYD ตลอดสามทศวรรษคือ  ‘นวัตกรรมทางเทคนิค’ ซึ่งไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงกลยุทธ์ แต่ฝังอยู่ในชื่อบริษัท BYD ที่ย่อมาจาก Build Your Dreams สะท้อนการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสานฝันและสร้างโลกที่ยั่งยืน

 

สิ่งที่ทำให้ BYD แตกต่างอย่างแท้จริง คือการมีผู้ก่อตั้งอย่าง Wang Chuanfu ที่เป็นวิศวกรด้านเทคนิค และการขับเคลื่อนด้วยทีมวิจัยและพัฒนากว่า 120,000 คน มากที่สุดในโลก ทำให้หลายฝ่ายมองว่า BYD ไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์ แต่คือบริษัทเทคโนโลยีที่ทำรถยนต์

 

จุดหักเหสำคัญเกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อ BYD ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ แม้จะประสบความสำเร็จในธุรกิจแบตเตอรี่ แต่การตัดสินใจครั้งนั้นสร้างความกังขาจนราคาหุ้นร่วงเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นการเดิมพันที่ไม่มีใครมั่นใจในตอนนั้น

 

เผชิญหน้าข้อวิจารณ์ เงินอุดหนุน และการแข่งขัน

 

หนึ่งในข้อสงสัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน คุณหลิวยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า BYD ได้รับการสนับสนุนในช่วงเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสาธารณะสู่พลังงานไฟฟ้า แต่ย้ำว่าเป็นการสนับสนุนด้านนโยบายที่เปิดกว้างสำหรับทุกบริษัท ไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะ BYD

 

สำหรับแรงปะทะจากสงครามการค้า โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และยุโรป BYD มองว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้บริโภคทั่วโลก ทางออกของ BYD คือการเร่งเดินหน้ากลยุทธ์ ‘ผลิตในท้องถิ่น ขายในท้องถิ่น’ ซึ่งรวมถึงการสร้างโรงงานในประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยง และตอบสนองตลาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

แม้ไม่เห็นด้วยกับสงครามการค้า แต่ BYD กลับเปิดรับการแข่งขันที่ยุติธรรม พวกเขาเชื่อว่าการแข่งขันที่ดีจะผลักดันให้ทุกคนพัฒนาเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

 

ปักหมุดประเทศไทย การศึกษาที่ยาวนาน สู่การถ่ายทอดเทคโนโลยี

 

BYD มองประเทศไทยว่าเป็น ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ด้วยห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ครบวงจร และนโยบาย 30/30 ที่ผลักดันให้รถ EV คิดเป็น 30% ของการผลิตภายในปี 2030

 

คุณหลิวเล่าว่า การเข้ามาในไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการทดลองตลาดมากว่า 10 ปี ผ่านรถแท็กซี่ไฟฟ้า VIP 101 คัน ที่วิ่งเก็บข้อมูลจริงในกรุงเทพฯ ก่อนจะตัดสินใจสร้างโรงงานผลิต EV แห่งแรกใน EEC ใช้เวลาสร้างเพียง 16 เดือนเท่านั้น

 

BYD ยังให้คำมั่นสัญญาใน 4 เรื่องสำคัญ:

 

  • Localization Rate: ปัจจุบัน BYD ใช้ชิ้นส่วนในประเทศเกิน 50% และปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
  • ซัพพลายเชน: เพื่อเร่งการพัฒนาในประเทศ ซัพพลายเออร์ชาวจีนจำนวนมากได้ตามมาตั้งฐานในไทย
  • บุคลากร: พนักงานในโรงงานกว่า 90% เป็นคนไทย และใช้เวลาเพียงปีเดียวในการฝึกฝน
  • ความร่วมมือ: เปิดกว้างต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย เพื่อเติบโตไปด้วยกัน

 

สลายความกังวลติดดอย ด้วย Scaling และการบริการ

 

BYD ตระหนักดีถึงความกังวลของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะเรื่องราคาขายต่อและอายุแบตเตอรี่ กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้คือการสเกลให้ใหญ่พอที่จะลดต้นทุนการผลิต และส่งต่อราคาที่จับต้องได้ให้กับลูกค้า

 

นอกจากนี้ BYD ยังทุ่มทุนสร้างศูนย์อะไหล่สำรองที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ในไทย บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าบริการหลังการขายจะพร้อมเสมอ

 

จากบริษัทที่เริ่มต้นเล็ก ๆ ด้วยความฝัน วันนี้ BYD ไม่ได้มาเพียงเพื่อขายรถ แต่กำลังปักหมุดฝังรากในประเทศไทย ผ่านโรงงาน บุคลากร และห่วงโซ่อุปทาน

 

คำถามสำคัญสำหรับประเทศไทยในฐานะ ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ ไม่ใช่แค่เราจะซื้ออะไร แต่คือเราจะเรียนรู้อะไรจากกองทัพวิศวกรของเขา เพื่อเปลี่ยนจากผู้ประกอบเป็นผู้สร้าง และเริ่มสร้างฝันในแบบของเราเอง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising