BYD อัปเดตโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จังหวัดระยองคืบหน้าเร็วกว่าเป้าที่วางไว้ คาดเริ่มทดลองผลิตได้ในเดือนเมษายน 2567 เชื่อมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลต่อเวลาเพิ่ม เพราะตอบรับเรื่อง Net Zero แล้ว และหากสร้างภาระให้กับประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่เห็นด้วย พร้อมปรับบริการหลังการขาย หลังพบปัญหาช่วงเปิดตัว ATTO 3 เพิ่มจำนวนอะไหล่และขยายคลังสินค้าให้เพียงพอต่อยอดขายที่ประเมินไว้ รองรับจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น
ล่าสุดเปิดตัว BYD Dolphin เคาะราคา 699,999-859,999 บาท พร้อมส่งมอบล็อตแรก 1,200 คัน ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดสิ้นปีนี้ยอดขายรวมรถ 2 รุ่นจบอยู่ที่ 50,000 คัน มั่นใจ BYD Dolphin ครองส่วนแบ่งมากสุด และทะยานขึ้นเบอร์ 1
เค่อหยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทย BYD มองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าประเทศอื่น ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐบาล ความตื่นตัวของประชาชน และการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะ BYD ATTO 3 ในปีนี้มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย มากกว่า 11,000 คัน และส่งมอบให้กับลูกค้ามากกว่า 15,000 คัน มีสัดส่วน 35.2% และมียอดขายและยอดจดทะเบียนติดอันดับ 10 ในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังติดอันดับท็อป 5 ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย และล่าสุด BYD Dolphin มียอดจองในประเทศออสเตรเลียมากถึง 3,000 คัน หลังเปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันที่ประเทศบราซิลเพิ่งเปิดตัวเมื่อ 3 วันที่แล้ว มียอดจองเฉลี่ย 200-300 คันต่อวัน จึงแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ BYD ที่เพิ่มและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เค่อได้อัปเดตความเคลื่อนไหวการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ในประเทศไทย โดยใช้เงินลงทุน 17,891 ล้านบาท บนพื้นที่ 600 ไร่ ในพื้นที่ WHA Group จังหวัดระยอง ในตอนนี้ดำเนินการก่อสร้างเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทดลองผลิตรถยนต์ได้ภายในสิ้นเดือนเมษายน 2567 โดยได้วางกำลังการผลิตไว้ 150,000 คันต่อปี
ส่วนมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมยานยนต์จากรัฐบาลไทยที่กำลังจะสิ้นสุดการสนับสนุนระยะแรกในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เชื่อว่ารัฐบาลไทยต่อเวลาเพิ่มแน่นอน เนื่องจากได้ตอบรับเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) กับนานาชาติแล้ว อีกทั้งเชื่อว่าการสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ด้าน ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ระบุภายหลังเปิดตัว BYD Dolphin ถึงความพร้อมว่า ตอนนี้ได้เตรียมรับรองลูกค้าไว้รอบด้าน ซึ่งเชื่อว่าการตอบรับจะดีกว่า ATTO 3 อย่างแน่นอน ส่วนรถจะส่งมอบลูกค้าล็อตแรกจำนวน 1,200 คัน ภายในเดือนกรกฎาคม และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายอยู่ที่ 30,000-40,000 คัน ขณะที่ยอดขายรวมของ BYD ในประเทศไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 50,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้
“เป้าหมายของเราตอนนี้ อยากเป็นที่ 1 ในเซ็กเมนต์รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเราเห็นถึงการเติบโตของเราด้วย เราจึงจับในส่วนอื่น ทั้งคาร์บอนเครดิต จุดชาร์จ และปัจจัยที่เกื้อหนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและความมุ่งมั่นของเรา แม้จะใช้เวลา แต่เราเชื่อว่าจะสามารถขึ้นที่ 1 ได้ให้เร็วที่สุด”
ส่วนบริการหลังการขาย ประธานวงศ์ยืนยันว่ามีความพร้อมมากกว่าช่วงเปิดตัว ATTO 3 เนื่องจากกระแสตอบรับดีเกินคาดจนจำนวนอะไหล่ที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งเราได้เรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้เตรียมความพร้อมของอะไหล่ผ่านการคาดการณ์จำนวนที่ขายและมีสำรองเผื่อไว้ เพราะ BYD Dolphin เป็นรถที่มีกลุ่มตลาดกว้างขึ้น ขณะที่ศูนย์บริการ ภายในสิ้นปีนี้จะเปิดเพิ่มอีกรวมเป็น 113 แห่ง ส่วนคลังสินค้าอะไหล่ได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทโลจิสติกส์ในเครือเป็นผู้ดูแลและจัดการให้กับทางเรเว่ ออโตโมทีฟ ทั้งหมด
“แม้ว่าช่วงที่เราจับจุดปัญหาและสามารถแก้ไขได้นั้น ยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริง แต่ปัจจุบันนี้ลูกค้า BYD ATTO 3 เข้าไปแก้ไขที่ศูนย์บริการ ซึ่งได้ทุเลาลงจนสามารถรับรถได้เร็วขึ้น ดังนั้นใน BYD Dolphin จึงเตรียมความพร้อมอย่างมากเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
นอกจากนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHAGRE ผู้ให้บริการสถานีชาร์จ EV ได้อัปเดตแอปพลิเคชันใหม่เป็น REVERSHARGE เพื่อให้ลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า BYD และทุกยี่ห้อสามารถใช้บริการชาร์จไฟนอกสถานที่ได้ รวมทั้งได้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า BYD โดยในเบื้องต้นเรเว่และชาร์จได้ตั้งเป้าเพิ่มจุดชาร์จอีก 14% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้
สำหรับ BYD Dolphin เป็นรถยนต์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Ocean Series ของ BYD และเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ที่ทำตลาดในประเทศไทย โดยได้นำเข้ามาจำหน่าย 2 รุ่น คือ Standard Range มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า แบตเตอรี่ขนาด 44.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ราคาอยู่ที่ 699,999 บาท และรุ่น Extended Range มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แบตเตอรี่ขนาด 60.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ราคาอยู่ที่ 859,999 บาท และได้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลในเงื่อนไขราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท
