เมื่อวานนี้ (29 มีนาคม) เวลาประมาณ 11.30 น ที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ริมถนนสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ต้องขังชายประมาณ 100 คนก่อเหตุจลาจลทำลายประตูห้องเยี่ยมแล้วพยายามวิ่งหลบหนี และมีการจุดไฟเผาอาคารต่างๆ ทีละอาคารเป็นระยะ มีควันพวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานรถดับเพลิงในพื้นที่และใกล้เคียงระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม แต่ก็ทำด้วยความยากลำบาก เนื่องจากรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปภายในได้ ทำให้ไฟลุกไหม้อาคารทีละหลังเป็นระยะ ทั้งเรือนนอน โรงฝึกวิชาชีพ โรงอาหาร และภายในมีผู้ต้องขังทั้งชายหญิงรวมกว่า 2,000 คน
ในเวลาต่อมา ธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าบัญชาการเหตุการณ์ พร้อมทั้งขอกำลังสนับสนุนทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จากพื้นที่จังหวัดข้างเคียงเข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมี พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท. พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เดินทางไปที่เกิดเหตุ ระดมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจปราบจลาจลทั้งในพื้นที่และใกล้เคียงร่วมปฏิบัติการคัดแยก นำนักโทษออกจากเรือนจำเพื่อนำไปฝากขังตามเรือนจำต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดข้างเคียง
จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. สามารถนำผู้ต้องขังหญิงประมาณ 200 คนออกมาได้ทั้งหมด ในขณะที่ภายในยังมีกลุ่มควันไฟลอยขึ้นเป็นระยะ ส่วนบริเวณภายนอกมีญาติผู้ต้องขังที่ทราบข่าวได้เดินทางไปดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังและไม่อนุญาตให้เข้าไปบริเวณที่เกิดเหตุ
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และคัดแยกผู้ต้องขังชายไปฝากขังตามเรือนจำต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง
ด้าน พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์มีผู้ต้องขังจำนวน 2,200 คนเศษ เป็นหญิงประมาณ 200 คน เป็นชายประมาณ 2,000 คน ก่อนเกิดเหตุมีผู้ต้องขังจำนวนหนึ่งมายืนออกันอยู่หน้าประตู และอีกส่วนหนึ่งได้เข้าไปในห้องเยี่ยมญาติและทุบกำแพงหลบหนีไปได้ประมาณ 10 คน จากนั้นได้สนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร จนติดตามจับกุมได้ส่วนหนึ่ง
ส่วนภายในเรือนจำได้พยายามแยกกลุ่มแกนนำซึ่งมีอาวุธเป็นมีดพร้า มีดดาบ อาวุธดัดแปลง แต่ไม่พบอาวุธปืน กระจายตัวในเรือนจำโดยใช้ผ้าปิดหน้าและร่างกาย ส่วนสภาพอาคารต่างๆ ภายในถูกเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงแดนพยาบาลที่ยังสมบูรณ์ และสามารถนำผู้ต้องขังชายประมาณ 1,500 คน ออกมาได้
จากนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษได้เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ พบผู้ต้องขังอีกประมาณ 500 คนอยู่ในอาการที่สงบ ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีการใช้อาวุธ ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบเศษแก้วขณะหลบหนีเท่านั้น และมีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย
ส่วนจำนวนนักโทษ จำนวนผู้หลบหนี ผู้ที่ก่อเหตุ และมูลเหตุ ตลอดจนความเสียหายทั้งหมดจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยละเอียดรอบคอบ และดำเนินคดีเพิ่มกับผู้ก่อเหตุต่อไป
พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ขอฝากถึงญาติผู้ต้องขังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้สูญเสีย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเหตุการณ์ทำร้ายผู้ต้องขัง ส่วนในระยะนี้งดการเยี่ยมญาติ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันผู้ต้องขังภายในเรือนจำติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์