วานนี้ (4 เมษายน) จังหวัดบามิยัน ทางตอนกลางของอัฟกานิสถาน เคยเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมและบ้านของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ยักษ์ ยามอัฟกานิสถานสงบสุขและยังไม่ผจญกับสงครามเมื่อราว 50 ปีก่อน
หลังจากสงครามสิ้นสุดลงในปีก่อน ชาวอัฟกานิสถานต่างวาดหวังว่าจะสามารถบูรณะพระพุทธรูปสององค์นี้ หรือที่เรียกกันว่า ‘พระพุทธรูปแห่งบามิยัน’ (Buddhas of Bamiyan) ให้กลับมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
“ฉันซ่อมแซมและฟื้นฟูซาลซาล (ชื่อท้องถิ่นของพระพุทธรูปยักษ์) มานาน 2 ปีแล้ว งานของฉันคือการรวบรวมชิ้นส่วนของพระพุทธรูป” อนาร์ กุล อาห์มาดี ผู้อาศัยอยู่ในจังหวัดบามิยันมาทั้งชีวิตกล่าว พร้อมกับบอกอีกว่า “นักท่องเที่ยวจากในและต่างประเทศกว่า 500 คน มาเยี่ยมชมบามิยันและพระพุทธรูปยักษ์ทุกวันตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่จำนวนผู้เยี่ยมชมในปีนี้กลับลดลงมาก”
พระพุทธรูปสององค์ ความสูง 53 เมตร และ 35 เมตร ซึ่งรายล้อมด้วยถ้ำสำหรับพระภิกษุหลายพันแห่ง มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี และเป็นเครื่องสะท้อนอารยธรรมพุทธศาสนาในภูมิภาค โดยตัวหินแกะสลักพระพุทธรูปถูกกลุ่มตาลีบันระเบิดในปี 2001
อนาร์ระบุว่า บางประเทศให้คำมั่นว่าจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายไหนลงมือทำสิ่งใด เธอเผยความมั่นใจว่าคนท้องถิ่นจะยื่นมือเข้าช่วย หากมีใครสักคนเริ่มต้นงานบูรณะ และหวังว่าตนจะได้เห็นพระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ จังหวัดบามิยันอันงดงามได้รับความเสียหายหนักหน่วงจากสงคราม การรุกรานจากต่างประเทศ และการก่อความไม่สงบที่กินเวลานานหลายทศวรรษ
“พื้นที่เหล่านี้เป็นตัวแทนประวัติศาสตร์ชาติของเรา โดยส่วนตัวแล้วผมรักพวกมันมาก” โอมิด ฮุสเซน นักศึกษามหาวิทยาลัยบามิยันกล่าว “ผมชอบพระพุทธรูปมาก และเคยไปเยี่ยมชมมาหลายครั้งแล้ว”
ด้าน ไซฟูล ราห์มาน โมฮัมมาดี ผู้อำนวยการข้อมูลและวัฒนธรรมของจังหวัดบามิยัน เผยว่ามีความพยายามปกป้องและรักษาบรรดาอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ โดยเราได้มอบหมายให้ประชาชนปกป้องอนุสรณ์สถานในจังหวัดนี้ด้วย
ไซฟูลเสริมว่า อนุสรณ์สถานทั้งหมด เช่น พระพุทธรูปแห่งบามิยัน, ป้อมปราการโกลห์โกลา หรือป้อมปราการซูฮัก ล้วนปลอดภัย นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันเข้ายึดครองอัฟกานิสถานในเดือนสิงหาคม 2021 โดยกำลังพยายามแก้ไขและรักษามรดกทางวัฒนธรรมทุกอย่างเอาไว้
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว