ปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกที่ต้องจับตาจากนี้จนถึงสิ้นปีประกอบด้วย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศทั่วโลก ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เริ่มฟื้นและกลุ่มที่ยังซบเซาต่อ การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป และการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียนที่การจัดหาและกระจายวัคซีนยังล่าช้า เหล่านี้ล้วนกดดันการลงทุนทั่วโลก
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจข้างต้น แนะนำให้นักลงทุนจัดสรรการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 70% และลงทุนในหุ้นไทย 30%
โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐฯ และยุโรปกำลังพิจารณาลดมาตรการช่วยเหลือ และนโยบายการเงินจะกลับไปสู่ระดับก่อน Pre-COVID ด้วยการทำ QE Tapering และค่อยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่ม ที่จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ บล.บัวหลวง ได้จัดทำข้อมูลเชิงสถิติและพบว่า 12 เดือนหลังจากมีการทำ QE Tapering ในปี 2013 ผลตอบแทนของ SET Index ปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่ค่า P/E ก็ปรับลดลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
“ตัวเลขทางสถิตินี้สะท้อนว่าการทำ QE Tapering ส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก บล.บัวหลวง จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรป เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชัดเจน แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโต และหุ้นส่วนใหญ่มีส่วนผสมของความเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสูง ซึ่งเป็นเทรนด์หลักของโลก”
สำหรับหุ้นไทย บล.บัวหลวง ยังคงเป้าหมายดัชนีปี 2564 ที่ระดับ 1,605 จุด ภายใต้คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 84.6 บาทต่อหุ้น และปี 2565 คาดการณ์เป้าหมายดัชนีที่ 1,784 จุด กำไรต่อหุ้นที่ 98 บาทต่อหุ้น
กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4/64 แนะนำหุ้นธีม Global Growth หรือหุ้นที่เติบโตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี ส่งออกอาหาร เพื่อรับผลตอบแทนในช่วงที่ปัจจัยลบในประเทศยังไม่คลี่คลาย
และในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า แนะนำให้ลงทุนในหุ้นธีม Re-opening หรือหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ
“ตอนนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากกำไร บจ. ในไตรมาส 3/64 ที่คาดว่าจะลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 เพราะรับผลกระทบจากโควิด ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าราคาหุ้นในตลาดได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปหรือยัง ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศก็ยังไม่มีสัญญาณที่จะกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือหุ้นอาเซียน เว้นแค่เวียดนาม”
ทั้งนี้ ประเมินโอกาสที่นักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น และใกล้จะกลับมาปกติเหมือนก่อนเกิดโควิด รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทไทยยังอ่อนค่าอยู่ จึงเชื่อว่าจะได้เห็นการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติในภูมิภาค รวมถึงไทยไปยังสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหาร ‘ต้องดู’ ก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022
📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทย–โลก
📌 เทรนด์ผู้บริโภค–การตลาด
📌 เคสจริงจากผู้บริหาร
พิเศษ! บัตร Early Bird 999 บาท วันนี้ถึง 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น
ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce