วานนี้ (20 มิถุนายน) ที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พร้อมด้วย อังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมสอบปากคำ ปัญญา คงแสนคำ หรือ ลุงเปี๊ยก ในคดีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง จากกรณีถูกตำรวจดำเนินแจ้งข้อหาฆาตกรรม บัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ หญิงวัย 47 ปี
โดยตำรวจแจ้งว่า ปัญญาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าและกระทำด้วยความมึนเมา ต่อมาปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมบัวผันเป็นกลุ่มเยาวชน 5 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 คนที่เป็นลูกตำรวจในจังหวัดสระแก้ว
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีปัญญาว่าอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ไว้เป็นคดีพิเศษที่ 9/2567
วัชรินทร์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาสอบปากคำปัญญาเพิ่มเติม เนื่องจากมีประเด็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาเพิ่ม และมีพยานให้การถึงในบางส่วนที่เกี่ยวกับปัญญาเอง ซึ่งพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องการสอบสวนโดยค้นหาความจริงให้กระจ่างชัดและละเอียดรอบคอบที่สุด และยังเป็นการสอบสวนปากคำพยานเป็นปากสุดท้าย ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนัดประชุม เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนเสนออธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป
ซึ่งจากการสอบปากคำ ปัญญาจำเหตุการณ์ได้ดีตลอดและยืนยันตามคำให้การเดิม และเจ้าหน้าที่ถามรายละเอียดในประเด็นที่ยังสงสัยจนได้ความกระจ่างชัด วันนี้นอกจากสอบปัญญาเพิ่มเติมแล้ว ยังมีพยาบาล 2 คน ที่รับผิดชอบในการดูแลปัญญามาร่วมเป็นพยานด้วย
โดยที่ประชุมจะนัดประชุมคดี เพื่อสรุปสำนวนทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องใครบ้างในเดือนกรกฎาคมนี้
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทางคณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายตำรวจระดับผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ, รองผู้กำกับการสืบสวน, สารวัตรสืบสวน และรองสารวัตรสืบสวน ซึ่งคือกลุ่มผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่กระทำความผิดโดยตรงในห้องสอบสวน ประกอบด้วยตำรวจชั้นประทวน 2 นาย รวมทั้งหมด 8 นาย
โดยจะเป็นข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ข้อหาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และความผิดต่อเสรีภาพกรณีหน่วงเหนี่ยวกักขัง