บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63-64 (Q1/63-64) สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2563 มีกำไร 443.41 ล้านบาท หรือ 0.34 บาทต่อหุ้น ลดลง 50.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่กำไร 893.86 ล้านบาท หรือ 0.075 บาทต่อหุ้น
สาเหตุที่กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงมาจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลงของธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ จากผลกระทบของโควิด-19 โดยรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาในไตรมาส 1 ปี 63/64 จำนวน 441 ล้านบาท ลดลง 67.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้อสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 35 ล้านบาท ลดลง 55.4% หรือ 44 ล้านบาท จากปีก่อน ขณะที่รายได้จากธุรกิจบริการลดลง 116 ล้านบาท หรือ 26.6% จากการก่อสร้างของบริษัท เอชเอชที คอนสตรัคชั่น จำกัด ที่ลดลง
นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนใน BTSGIF จำนวน 24 ล้านบาท (เทียบกับส่วนแบ่งกำไรจำนวน 225 ล้านบาทจากปีก่อน) เป็นผลมาจากรายได้ค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสีเขียวสายหลักที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสนี้
ขณะที่รายได้รวมจากการดำเนินงานของธุรกิจระบบขนส่งมวลชนในไตรมาส 1 ปี 63/64 จำนวน 8,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.4% หรือ 2,384 ล้านบาทจากปีก่อน จากการรับรู้รายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองรวม 7.6 พันล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงจำนวน 1,153 ล้านบาท เติบโต 38.9% รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากเงินปันผลรับจำนวน 121 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังคงคาดการณ์การเปิดให้บริการบางส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองในเดือนตุลาคม 2564 และคาดว่าจะเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองเฟส 1 ได้ในเดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับโครงการส่วนต่อขยายสีเขียวเหนือยังคงตั้งเป้าในการเปิดให้บริการอีก 7 สถานีที่เหลือ (สถานีพหลโยธิน 59–สถานีคูคต) ภายในเดือนธันวาคม 2563
นอกจากนี้ยังได้เดินหน้าเต็มกำลังในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะมีการยื่นซองประมูลในเดือนกันยายน 2563 นี้
สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ นั้น ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงพิเศษสาย M6 จากบางปะอินถึงนครราชสีมา และสาย M81 จากบางใหญ่ถึงกาญจนบุรี (ผ่านกิจการร่วมค้า BGSR ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 40%) โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ในเดือนสิงหาคม 2563
ในขณะที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (ผ่านกิจการร่วมค้า BBS ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 35%) ขณะนี้กำลังรอหนังสือแจ้งให้เริ่มงานก่อสร้าง (Notice-to-Proceed) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2565
รายงาน สุรเมธี มณีสุโข
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล