×

BTS vs. คำสาป K-Pop การกลับมาท้าทายกาลเวลาหลังหายไป 3 ปี กับบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ในโลก K-Pop ที่เปลี่ยนไป และเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักพวกเขาอีกต่อไป

31.07.2025
  • LOADING...
bts-military-comeback-tour

HIGHLIGHTS

  • จากศิลปินวงเล็กๆในช่วงแรก จนเริ่มมีแฟนคลับในวงกว้าง BTS เริ่มมีชื่อเสียงในระดับโลกในปี 2018 หลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม ‘Love Yourself: Tear’ ออกมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนๆทั่วโลก
  • ความสำเร็จของ BTS ในระดับโลกไม่ได้มาจากแค่เรื่องของการรังสรรค์บทเพลงที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องของการวางกลยุทธ์การตลาดอย่างแยบยลที่ทำให้สมาชิกทั้ง 7 ไม่ได้เป็นแค่ไอดอลหรือนักร้อง แต่พวกเขาคือส่วนหนึ่งของกันและกันกับเหล่า ARMY ทุกคน
  • ไม่ว่า BTS จะมีฐานแฟนเพลงที่เหนียวแน่นแค่ไหน สิ่งที่พวกเขาต้องเตรียมเผชิญคือความจริงที่ว่าโลกใบนี้ไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม K-Pop
  • กำหนดการนัดหมายที่จะกลับมารวมตัวกันเพื่อทำผลงานอีกครั้งอยู่ในช่วงปลายเดือนนี้ โดยทุกคนจะกลับมาเริ่มต้นทำงานดนตรีกันอีกครั้ง และคาดหวังว่าอัลบั้มใหม่ที่ทุกคนรอคอยจะเสร็จสิ้นทันภายในปี 2026 และแน่นอนว่าพวกเขาจะจัดเวิลด์ทัวร์เล่นคอนเสิร์ตทั่วโลกด้วย

 

‘Cause I, I, I’m in the stars tonight’ 

 

ท่อนฮุคจากเพลงฮิต Dynamite ยังคงเป็นหมัดน็อกที่ปล่อยออกมาเมื่อไรก็ยังได้ผลต่อหัวใจของแฟนเพลงทั่วโลกเสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วถึง 5 ปีนับจากที่บทเพลงนี้ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก

 

เช่นกันกับบทเพลงฮิตอีกหลายเพลงที่แฟนเพลงของวงบอยแบนด์เกาหลีผู้สร้างปรากฏการณ์อย่าง ‘BTS’ ที่ยังทุ้มอยู่ในใจของเหล่าผู้ภักดีต่อชายหนุ่มทั้ง 7 คนในนาม ‘ARMY’ ไม่เปลี่ยนไป

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วช่วงเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาสำหรับพวกเขาเป็นช่วงเวลาของความยากลำบาก เป็นบทพิสูจน์ของอะไรหลายอย่าง เมื่อเหล่าวงประกาศ ‘พักวง’ เป็นการชั่วคราวเนื่องจากสมาชิกในวงทุกคนต้องรับใช้ชาติ ทั้งๆที่มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาไต่ระดับไปถึงดวงดาวได้สำเร็จแล้ว

 

จนเมื่อ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา SUGA สมาชิกคนสุดท้าย ได้ปลดประจำการอย่างเป็นทางการ อันเป็นสัญญาณของการกลับมาและคำสัญญาที่รอคอย

 

BTS กำลังจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

“ทุกคนเรากลับมาแล้ว” Jimin หนึ่งในสมาชิกประกาศข่าว “เรากำลังวางแผนที่จะจัดทัวร์รอบโลกคู่ไปกับการทำอัลบั้มใหม่ เราจะกลับมาพบกับแฟนๆทั่วโลก ดังนั้นเราหวังว่าทุกคนจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้เหมือนกับที่เราตื่นเต้นนะ”

 

เพียงแต่ในวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปจากวันนั้น ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมหรือไม่สำหรับพวกเขา? ไม่ใช่แค่ในฐานะของบอยแบนด์วงหนึ่ง แต่ในฐานะเสาหลักของวงการ K-Pop 

 

BTS รวมตัวครบ เตรียมคัมแบ็กทัวร์รอบโลก

 

บังทัน เด็กกันกระสุน

 

จุดเริ่มต้นของวง BTS ต้องบิดเข็มนาฬิกากลับไปในปี 2013 เมื่อวงบอยแบนด์หน้าใหม่จากค่าย Big Hit Entertainment ในชื่อ ‘Bangtan Sonyeondan’ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อย่อสั้นๆว่า BTS ในปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาเริ่มกระโจนสู่ตลาดในระดับโลก

 

เพียงแต่สำหรับแฟนๆที่ติดตามเด็กหนุ่มทั้ง 7 – Jung Kook, V, Jin, J-Hope, Jimin, RM, Suga – ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรค์และความสามารถทั้งการร้องและการเต้น รวมถึงบทเพลงสร้างสรรค์ที่กล้าหยิบประเด็นต่างๆทางสังคมขึ้นมาถ่ายทอด พวกเขายังคงเป็น ‘บังทัน’ (แปลว่ากันกระสุน) สำหรับแฟนๆเสมอ

 

จากศิลปินวงเล็กๆในช่วงแรก จนเริ่มมีแฟนคลับในวงกว้าง BTS เริ่มมีชื่อเสียงในระดับโลกในปี 2018 หลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม ‘Love Yourself: Tear’ ออกมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนๆทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา พวกเขากลายเป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่ไปถึง Billboard 200 chart ได้สำเร็จ ทั้งๆที่เพลงในอัลบั้มไม่ได้เป็นเพลงภาษาอังกฤษแต่อย่างใด

 

จุดนี้ทำให้ BTS เริ่มเป็นที่พูดถึงและจับตามองในวงการดนตรีโลกกระแสหลัก เพราะนี่อาจหมายถึงการเกิดขึ้นในระดับ ‘ปรากฏการณ์’ ที่น่าสนใจ

ดอกไม้ไฟกลางใจโลก

 

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อปี 2020 BTS ปล่อยซิงเกิลภาษาอังกฤษเพลงแรกของพวกเขาอย่าง ‘Dynamite’ ออกมาและกลายเป็นเพลงฮิตทั่วโลกในทันที ลูกระเบิดลูกนี้ไม่เพียงทำให้ BTS กลายเป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่ไปถึง Billboard Hot 100 chart 

 

BTS ยังกลายเป็นศิลปินจากเอเชียวงแรกนับตั้งแต่ Kyu Sakamoto ศิลปินชาวญี่ปุ่นพาบทเพลงจากตะวันออกขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของชาร์ตได้สำเร็จ

 

ความสำเร็จนี้ทำให้ BTS เป็นวงเกาหลีวงแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy ในปี 2021, ได้เป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่ได้เยี่ยมชม ‘ไวท์เฮาส์’ พร้อมถ่ายภาพร่วมกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะนั้นด้วยการทำท่า ‘มินิฮาร์ท’ 

 

บทเพลงทุกเพลงนับจากนั้นกลายเป็นเพลงฮิตหมด BTS ถูกมองว่าเป็นผู้จุดกระแส K Pop ในระดับโลกอย่างแท้จริง เป็นวงที่ยืนแถวหน้าของโลกอย่างสง่างาม

 

‘So watch me bring the fire and set the night alight’

 

แต่ทุกอย่างต้องถูกหยุดไว้ก่อน

 

คำสาปของกาลเวลา

 

18 เดือนคือระยะเวลาที่กฏหมายเกาหลีระบุว่าชายเกาหลีทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-28 ปีต้องเข้ารับราชการทหารในกรม เป็นการรับใช้ชาติโดยหน้าที่ ไม่มีใครเลี่ยงได้

 

ดังนั้นแม้วงจะอยู่ในจุดสูงสุด แต่สมาชิกทุกคนของ BTS ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน แม้ว่าในเดือนธันวาคม 2020 รัฐสภาเกาหลีใต้จะมีการผ่านร่างกฎหมายในการพิจารณาการชะลอเพื่อเข้ากรมทหารสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและวงการบันเทิงจนถึงอายุ 30 ปี ที่เรียกกันว่า ‘กฎหมาย BTS’ ก็ตาม

 

มิถุนายน 2022 BTS ประกาศว่าพวกเขาจะขอพักวงเป็นการชั่วคราวเพื่อให้สมาชิกในวงทยอยเข้ากรม เริ่มจาก Jin พี่ใหญ่ในช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ก่อนที่สมาชิกคนอื่นๆจะทยอยตามไป ซึ่งมีทั้งในส่วนของการเข้ากรม หรือการบริการสาธารณะ (เช่นรายของ SUGA) เป็นระยะเวลา 18 เดือน

 

สิ่งที่หลายคนจับตามองคือด้วยกฎหมายว่าด้วยการรับใช้ชาตินั้น มักจะส่งผลต่อศิลปินในวงการบันเทิง โดยเฉพาะในวงการ K-Pop ที่มักจะต้องพักงานในช่วงที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด 

 

เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากคำสาปของกาลเวลา

 

เมื่อกลับมาจะยังมีคนจดจำและยังรักสนับสนุนพวกเขาเหมือนเดิมไหม?

 

BTS รวมตัวครบ เตรียมคัมแบ็กทัวร์รอบโลก

 

กองทัพผู้ซื่อสัตย์

 

“ฉันคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน” แฟนเพลงในระดับ Die-hard ของ BTS บอกถึงความรู้สึกหลังจากที่วงกำลังจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ ARMY คนนี้ไม่ได้เป็นคนเกาหลี แต่เป็นหญิงสาวชาวบราซิล ที่เดินทางไกลข้ามโลกมาเพื่อร่วมงาน ‘BTS Festa’ งานปาร์ตี้ใหญ่ของคนรัก BTS ที่จะจัดขึ้นทุกปี โดยปีนี้จัดขึ้นที่เมืองโกยาง จังหวัดคยองกี ไม่ห่างจากกรุงโซล เมืองหลวงมากนัก

 

ในงานมีกิจกรรมมากมายให้ ARMY ได้เข้าร่วม หนึ่งในนั้นคือ ‘Voice zone’ ตู้โทรศัพท์เล็กๆที่ให้ทุกคนได้เข้าไปยกหูขึ้น และฟังข้อความเสียงที่เหล่าสมาชิกในวงฝากความคิดถึงผ่านคลื่นเสียงมาให้

 

รอบๆตู้โทรศัพท์นี้ดูคล้ายมีฝนตกตลอดเวลา เพราะมีน้ำตาของแฟนๆที่สะกดไว้ไม่ไหวเมื่อได้ยินข้อความที่ฝากมา

 

“มันเป็น 18 เดือนที่เหมือนตลอดไป” แฟนเพลงจากแดนไกลอีกคนบอก เธอคนนี้มาจากแอฟริกาใต้เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากแค่ไหน ต้องใช้เงินมากเท่าไรแต่สำหรับ ARMY ผู้ภักดีแล้วมันเป็นสิ่งที่พวกเธอและพวกเขาทั้งหลายเต็มใจทำ

 

เพื่อบอกให้รู้ว่าต่อให้โลกจะเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขายังไม่เคยเปลี่ยนไป

 

ความรู้สึกเหล่านี้คือกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความรักและความภักดีของเหล่า ARMY ที่ยังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของวงอยู่เสมอ และไม่ใช่แค่แฟนเพลงในเกาหลี แต่เป็นแฟนๆทั่วโลกที่ยืนรอคอยอยู่ตรงนี้ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา

 

ถ้าจะมีสักวงที่ทำลายคำสาปของกาลเวลาได้ BTS ก็น่าจะเป็นวงนั้น

 

Masterplan ความสำเร็จของ BTS

 

ความสำเร็จของ BTS ในระดับโลกไม่ได้มาจากแค่เรื่องของการรังสรรค์บทเพลงที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องของการวางกลยุทธ์การตลาดอย่างแยบยลที่ทำให้สมาชิกทั้ง 7 ไม่ได้เป็นแค่ไอดอลหรือนักร้อง

 

แต่พวกเขาคือส่วนหนึ่งของกันและกันกับเหล่า ARMY ทุกคน

 

บนเวที BTS คือวงบอยแบนด์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการแสดง ทั้งการร้องด้วยเสียงอันทรงพลังและมีเสน่ห์ การเต้นบนเวทีที่ผ่านการซ้อม Choreography มาอย่างเข้มข้นทำให้ไลน์การเต้นของแต่ละคนสวยงาม และเมื่อรวมกัน 7 คนก็ยิ่งเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก

 

นอกเวที BTS คือวงที่ใกล้ชิดกับแฟนๆอย่างมาก พวกเขาใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างชาญฉลาดโดยมีทั้งแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง Weverse ที่แฟนๆต้องยอมควักเงินหากต้องการที่จะติดตามชีวิตเรื่องราวคอนเทนต์ต่างๆที่สมาชิกแต่ละคนจะเข้ามาโต้ตอบกับแฟนๆอย่างเป็นกันเอง 

 

ในเวลาเดียวกันพวกเขายังใช้ Free media อย่าง Instagram, X, YouTube เพื่อนำเสนอเรื่องราวต่างๆ

 

สิ่งเหล่านี้ได้นำมาสู่การเป็นชุมชนออนไลน์ (Community) ที่แข็งแกร่ง กลายเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งที่พร้อมจะสนับสนุน BTS ไปตลอดทาง ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม

 

BTS รวมตัวครบ เตรียมคัมแบ็กทัวร์รอบโลก

 

โลกของ K-Pop ที่เปลี่ยนไป

 

แต่ไม่ว่า BTS จะมีฐานแฟนเพลงที่เหนียวแน่นแค่ไหน สิ่งที่พวกเขาต้องเตรียมเผชิญคือความจริงที่ว่าโลกใบนี้ไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว

 

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม K-Pop

 

ถึงแม้ว่า Black Pink จะยังคงเป็น ‘หัวแถว’ ของวงการอีกวงในระหว่างที่ BTS หายหน้าไปแต่มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในเรื่องของพฤติกรรมของแฟนๆที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในหมู่ของกลุ่มคนรุ่นใหม่

 

เพราะเมื่อไม่มีวงที่เป็นเสาหลักอย่าง BTS ซึ่งถือเป็นวง ‘รุ่นที่ 3’ เด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาจึงเลือกที่จะกระจายไปฟังเพลงจากศิลปินวงอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นใหม่แทบทุกสัปดาห์ ในตลาดการแข่งขันที่รุนแรง

 

“คนรุ่นหนูจะตามวงในรุ่นที่ 4 มากกว่า” สาวน้อยวัย 13 ปีที่เป็นแฟนของวง IVE บอก “จะมีบางคนที่ยังชอบวงจากรุ่นที่ 3 อยู่ แต่สำหรับวัยรุ่นแล้ว BTS กลายเป็นวงของคนรุ่นก่อนมากกว่า มีศิลปินวงใหม่เดบิวต์ (เปิดตัว)​ มากมายในช่วงที่ BTS ไม่อยู่ และพวกเขาก็ได้รับความนิยมมากด้วย”

 

ฟังแบบนี้ดูเหมือนช่องว่างระหว่างกาลเวลาที่หายไปจะมีผลต่อพวกเขาอยู่บ้าง โดยเฉพาะในการตามหาแฟนเพลงกลุ่มใหม่

 

เพียงแต่สำหรับคนในวงการ K-Pop การกลับมาของ BTS คือความหวังครั้งสำคัญเลยทีเดียว

 

ความหวังทั้ง 7

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อวงการอุตสาหกรรม K-Pop หลังการพักวงของ BTS คือการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ

 

ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมดนตรีของเกาหลีประกอบไปด้วยหลายอย่าง ซึ่งแม้บางอย่างจะยังคงทำรายได้อย่างเข้มแข็งโดยเฉพาะการจัดงานคอนเสิร์ตที่แฟนๆยังคงให้การสนับสนุนวงที่รักอย่างเต็มที่ แต่ในด้านของยอดการจำหน่ายอัลบั้มกลับลดลงอย่างน่าตกใจเมื่อมองย้อนกลับไปถึงช่วงพีคในปี 2023

 

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วงระดับเสาหลักอย่าง BTS และ Blackpink ไม่มีอัลบั้มใหม่ออกวางจำหน่ายพอดี ซึ่งคนในวงการดนตรีเกาหลีก็ยอมรับว่าการพักวของ BTS ทำให้คนในวงการได้รับผลกระทบตามไปด้วยโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

เรื่องนี้บวกกับกระแสข่าวอื้อฉาว ความขัดแย้งระหว่าง NewJeans วงเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆแต่กลับมีปัญหากับต้นสังกัดถึงขั้นแตกหักมีการฟ้องร้องกันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

 

ถึงช่วงที่ผ่านมาสมาชิกในวง BTS จะมีการทำผลงานโซโลกันบ้าง แต่ไม่มีอะไรดีไปกว่าการประกาศการกลับมาของ BTS ในครั้งนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในวงการ K-Pop รอคอยมาตลอด

 

“การกลับมาของพวกเขาจะทำให้คนกลับมาสนใจกับดนตรีของเกาหลีอีกครั้ง”

 

BTS รวมตัวครบ เตรียมคัมแบ็กทัวร์รอบโลก

 

Life goes on…

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาสมาชิก BTS ได้ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะกลับมา หลังจากที่สมาชิกทุกคนได้เสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติแล้ว

 

กำหนดการนัดหมายที่จะกลับมารวมตัวกันเพื่อทำผลงานอีกครั้งอยู่ในช่วงปลายเดือนนี้ โดยทุกคนจะกลับมาเริ่มต้นทำงานดนตรีกันอีกครั้ง และคาดหวังว่าอัลบั้มใหม่ที่ทุกคนรอคอยจะเสร็จสิ้นทันภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นอัลบั้มแรกนับตั้งแต่ปี 2020 

 

และแน่นอนว่าพวกเขาจะจัดเวิลด์ทัวร์เล่นคอนเสิร์ตทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกนับตั้งแต่ ‘Permission to Dance on Stage tour’ ในปี 2022 

 

สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือระหว่างทางของการกลับมาจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ จะมีปัญหาและอุปสรรคใดต้องฝ่าฟันไปด้วยกันอีกไหม โดยไม่นับเรื่องของความท้าทายอื่นๆที่รอคอยอยู่ สิ่งที่เคยทำให้พวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้ในวันวาน อาจจะพาไปไม่ถึงในวันนี้แล้วก็เป็นไปได้

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การกลับมาของ BTS ในเวอร์ชั่น 2.0 ก็เป็นข่าวดีที่ทุกคนรอคอย

 

ที่เหลือจะเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นเรื่องความเป็นไปของชีวิตแล้วกัน

 

Like an arrow in the blue sky

또 하루 더 날아가지

On my pillow, on my table

Yeah, life goes on like this again

 

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising