×

BTG – มีปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมสุกรไทยที่แข็งแกร่ง

13.03.2025
  • LOADING...
BTG

เกิดอะไรขึ้น:

 

ราคาสุกรไทยปรับขึ้นใน 1Q68TD ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง ราคาสุกรไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 78 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 18%YoY และเพิ่มขึ้น 8%QoQ) ใน 1Q68TD โดยค่อยๆ ขยับขึ้นจาก 76 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนมกราคม, 79 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนกุมภาพันธ์ และ 80 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน แม้อุปสงค์ปรับตัวลดลงตามฤดูกาลหลังเทศกาลตรุษจีน (ปลายเดือนมกราคม) 

 

โดยได้รับแรงหนุนหลักจากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นจาก 

 

  1. มาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้ก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมอุปทานสุกรในประเทศ เช่น มาตรการตัดวงจรลูกสุกร โดยขอให้ผู้เลี้ยงสุกรไทยนำลูกสุกรบางส่วนมาทำหมูหันในปี 2567

 

  1. การกลับมาระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในช่วงปลาย 3Q67 ถึงต้น 4Q67 

 

เมื่อมองต่อไปข้างหน้า ราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงจากมาตรการรัฐบาลล่าสุดและสภาพอากาศร้อนตามฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ต่ำ จะช่วยให้มาร์จิ้นกว้างขึ้นใน 1Q68 และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2Q68

 

ทั้งนี้ ท่ามกลางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับรัฐบาลไทยในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้นนั้น สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้เสนอให้รัฐบาลไทยเจรจานำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลือง แทนการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ 

 

โดยเนื้อสุกรของสหรัฐฯ มีสารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นสารต้องห้ามตามมาตรฐานที่กฎหมายไทยกำหนด หากอนุญาตให้นำเข้าได้ ไม่เพียงแต่จะเป็นภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคชาวไทย แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสุกรและเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบอาหารสัตว์ของไทยอีกด้วย 

 

ประเทศไทยต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถึง 8.9 ล้านตันต่อปี แต่ยังขาดแคลนถึง 4 ล้านตัน (ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่สามารถครอบคลุมส่วนที่ยังขาดแคลนทั้งหมดจากโครงสร้างภาษีนำเข้าของไทย) ความต้องการถั่วเหลืองของประเทศไทยอยู่ที่ 5-6 ล้านตันต่อปี แต่ผลผลิตภายในประเทศอยู่ที่ 23,000 ตัน (ส่วนใหญ่นำเข้าจากอเมริกาใต้) 

 

การนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์คุณภาพสูงและราคาถูกจากสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่จะช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดไทยในส่วนที่การผลิตในประเทศยังขาด แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่มีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เช่น ปัญหา PM2.5 จากการลักลอบเผาแปลงเกษตร หากข้อเสนอดังกล่าวได้รับการอนุมัติ จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตสัตว์บกและสัตว์น้ำของไทยปรับลดลงได้อีก

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น BTG ปรับขึ้น 1.54% สู่ 19.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.14% สู่ 1,202.03 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2568:

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 1Q68 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพราะราคาผลิตภัณฑ์ดีขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำ การเพิ่มสินค้าและช่องทางการขายที่มีมาร์จิ้น สูง และกำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการไข่ไก่ในสิงคโปร์

 

ปรับประมาณการกำไรปี 2568 ของ BTG เพิ่มขึ้น 12% เพื่อสะท้อนมาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากราคาสุกรที่แข็งแกร่ง YTD ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ต่ำ โดยที่ราคาตอนนี้ หุ้น BTG ซื้อขายที่ P/E ปี 2568 น่าสนใจที่ 8.9 เท่า ขณะที่คาดว่ากำไรปี 2568 จะเติบโต (เพิ่มขึ้น 81%YoY) ดีที่สุดในกลุ่มอาหาร โดยได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมสุกรไทยที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำใน 1H67 จากอุปทานที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมีเนื้อสุกรลักลอบนำเข้าลดลงและการลดอุปทานตามนโยบายของรัฐบาล ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังต่ำต่อเนื่องจากสภาวะการเพาะปลูกที่ดี และกำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการไข่ไก่ในสิงคโปร์ (Eggriculture) เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม

 

ราคาหุ้น BTG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา Outperform SET อยู่ 25% แต่ยังคงตามหลังผู้เล่นรายอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมสุกรไทยเช่นกัน: CPF (เพิ่มขึ้น 19%) และ TFG (เพิ่มขึ้น 36%) กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BTG โดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อ้างอิงวิธี SOTP ใหม่เป็น 25 บาทต่อหุ้น (จาก 23.5 บาท) อิงกับ P/E 9-12 เท่า สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหาร

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ อุปสงค์และราคาที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่เปราะบางและอุปทานที่มากขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการขยะและน้ำ (E) สวัสดิภาพของลูกค้า การบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัย (S)

 

BTG – มีปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมสุกรไทยที่แข็งแกร่ง: https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/high-conviction/btg-hc-20250310 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising