BROOK เดินหน้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ดันขนาดการลงทุนพุ่งเกิน 50% ของสินทรัพย์รวม เตรียมเปิดขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 29 ตุลาคมนี้ เพื่อลงทุนใน สเตเบิลคอยน์ ราว 150 ล้านบาท พร้อมลงทุนเปิดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี คาดเดินหน้าขุดได้ปลายไตรมาส 3 นี้
วริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป(BROOK) ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติม โดยการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเหมืองขุดคริปโตฯ ซึ่งจะเริ่มภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2564
ทั้งนี้ ก่อนทำการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บริษัทมีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 70 ล้านบาท ผ่านการลงทุนในบริษัท หรือบริษัทย่อยในประเทศไทย ส่วนการลงทุนในอนาคตเพิ่มเติมภายหลังได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทจะทำการลงทุนในสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล สเตเบิลคอยน์ ประเภท USD Coin (USDC) อ้างอิงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน Zipmex ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. จำนวนไม่เกิน 150 ล้านบาท คาดจะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากขนาดรายการที่เข้าลงทุนรวม มีขนาดเกินกว่า 50% เข้าข่ายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ บริษัทจึงมีมติจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2564 เพื่อขอมติจากที่ประชุมในวันที่ 29 ตุลาคมนี้
“สำหรับการลงทุนครั้งใหม่นี้จะเป็นการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือถ้าเรียกให้เข้าใจง่ายขึ้น บริษัทจะลงทุนขุดคริปโตเคอร์เรซีด้วยตนเอง ซึ่งรายได้และกำไรจากการลงทุนยังถือว่ามีความผันผวนสูง แต่การลงทุนในครั้งนี้จะเป็น Pilot Project เพื่อหาโอกาสและช่องทางใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งนำไปสู่โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต ที่จะเป็นแหล่งรายได้เสริมให้แก่บริษัท”
ส่วนที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อซื้อสเตเบิลคอยน์ จะนำไปลงทุนในโปรแกรมลงทุน ZipUP และ ZipLock ของ Zipmex เนื่องจากผลประโยชน์จากการฝากสินทรัพย์ผ่านโปรแกรมการลงทุนอยู่ที่ 11% ต่อปี ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์
“เรายังคงมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นโอกาสให้มีดีลที่ปรึกษารูปแบบใหม่ที่จะควบรวมการใช้คริปโตฯ อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อกระจายแหล่งรายได้ในอนาคตอีกด้วย” วริศ บูลกุล กล่าว
สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนดิจิทัล ผ่านตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2564 รวมมูลค่าลงทุน 1,225.59 ล้านบาท คิดเป็นขนาดการลงทุนสะสม 46.60% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด โดยเมื่อรวมการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าไม่เกิน 70 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนลงทุน 2% และการลงทุนในสเตเบิลคอยน์ไม่เกิน 150 ล้านบาท หรือมีขนาดรายการเท่ากับ 4.29% ซึ่งเมื่อนับรวมทุกรายการ ทำให้มีขนาดรายการลงทุนทั้งสิ้นรวม 52.89% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด