×

โบรกเตือนระวังหุ้น T ราคาพุ่งแรงไร้พื้นฐาน สัญญาณเทคนิคบีบขาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับขังมาตรการกำกับระดับสูงสุด

12.09.2021
  • LOADING...
T stocks

หุ้น บมจ.ที เอ็นจิเนียร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น (T) ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่นักลงทุนควรต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เพราะอยู่ๆ ราคาหุ้น T ก็ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้น หุ้น T แทบจะไม่มีมูลค่าการซื้อขายเลย

 

โดยหุ้น T วิ่งขึ้นมาเตะสายตานักลงทุนในช่วงไม่กี่วันทำการที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาพุ่งทะยานขึ้นจนเกือบชนเพดานการซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) ถึง 3 วันซ้อน ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 25% มาอยู่ในระดับ 0.15 บาท ต่อด้วยวันที่ 6 และ 7 กันยายน 2564 ซึ่งราคาปรับขึ้น 26.7 และ 26.3% ตามลำดับ จนขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ระดับ 0.24 บาท ก่อนจะย่อตัวลงไปเล็กน้อยกระทั่งมาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 ในระดับ 0.23 บาท 

 

สำหรับหุ้น T ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย ‘C’ หรือ Caution เพื่อเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงด้านฐานะการเงิน เพราะมีส่วนผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้วหลังหักส่วนต่างมูลค่าหุ้น ซึ่งผู้บริหารบริษัทต้องเร่งดำเนินการแก้ไขก่อนจะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิกถอนออกจากสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียน

 

กระทั่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ผู้บริหารของ T ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงความคืบหน้าในการแก้ไขสถานะบริษัทให้พ้นจากเครื่องหมาย C โดยจะดำเนินการใน 2 แนวทางหลัก คือ

 

  1. การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน จำนวน 30 ล้านบาท และเงินจากการชนะคดีความ จำนวน 44.15 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพิ่มสภาพคล่องสำหรับบริหารกิจการบริษัทต่อไป

 

  1. การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) หรือ PP จำนวนไม่เกิน 54,044 ล้านหุ้น คิดเป็น 83.15% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด ในราคาเสนอขาย 0.02 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,080.88 ล้านบาท

 

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท T ได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในวันที่ 12 ตุลาคม 2564 นี้ และจะมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทใหม่จาก บมจ.ที เอ็นจิเนียร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น เป็น บมจ. พีเอสจีคอร์ปอเรชั่น ด้วย

 

สำหรับแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้จะจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 5 ราย คือ

 

  1. ปณิชา ดาว จำนวน 51,994 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 80% มูลค่ารวม 1,039.88 ล้านบาท 
  2. ฐิติมา ธนากรโยธิน จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.46% มูลค่ารวม 6 ล้านบาท 
  3. ชัยยศ จิรบวรกุล จำนวน 250 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.38% มูลค่ารวม 5 ล้านบาท
  4. อดิศร จ.จิตต์เจริญชัย จำนวน 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.85% มูลค่ารวม 24 ล้านบาท
  5. กิตติโชติ หริตวร จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.46% มูลค่ารวม 6 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธุรกรรมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ ปณิชา ดาว เข้าข่ายเป็นการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากภายหลังการได้มาซึ่งหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทแล้ว ปณิชาจะเข้ามาเป็นผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และคู่สมรสตามกฎหมายคือ เดวิด แวน ดาว จะเข้ามาเป็นกรรมการของบริษัทด้วย

 

สำหรับแวดวงธุรกิจแล้ว ปณิชา ดาว คือนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บริษัท คลาวด์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจด้านการลงทุน และ บริษัท ซีพีเอ็ม เรสซิเดนเซส จำกัด ที่ทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทางตรงและทางอ้อม 50% ของ บริษัท คลาวด์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด

 

ส่วน เดวิด แวน ดาว ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท พีที โซล จำกัด (PT Sole Company Limited) รวมทั้งยังดำรงตำแหน่งกรรมการใน บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขณะเดียวกันยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการและกรรมการบริหารของ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด, บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด

 

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท พีที โซล จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนธุรกิจประเภทต่าง ๆ ทั้งในไทยและ สปป.ลาว อีกด้วย

 

มีการประเมินกันว่าการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มดาวครั้งนี้ เป้าหมายก็เพื่อใช้ T เป็นฐานในการระดมทุนผ่านกลไกตลาดหุ้นไทย โดยเตรียมการระดมเงินลงทุนครั้งใหญ่ทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ เพื่อลงทุนโครงการเขื่อนแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ใน สปป.ลาว

 

จากกรณีกระแสข่าวการเข้ามาของกลุ่มดาว จุดพลุให้หุ้น T กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องออกมาเตือน ด้วยการประกาศให้หุ้น T เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 คือห้ามซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ (Net Settlement) รวมทั้งห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสด (Cash Balance) ซึ่งคำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 8-28 กันยายน 2564

 

ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หุ้น T มีความเสี่ยงสูงจากผลดำเนินงานที่ยัง ‘ขาดทุน’ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เข้าลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้

 

ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวกับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ว่า ราคาหุ้น T ปรับตัวสูงขึ้นจากการเก็งกำไรตามกระแสข่าว โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ รวมทั้งสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่หุ้น T จะปรับตัวลดลง และอาจหลุด 0.21 บาทได้ หลังจากที่ไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 0.26 บาทไปได้ เนื่องจากมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดให้ต้องซื้อด้วยเงินสดทำให้ความร้อนแรงของหุ้นลดลง และราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าแพงมากแล้ว ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกเทขายเพื่อทำกำไรออกมาทุกเมื่อ

 

“หุ้น T ไม่มีพื้นฐานเลย ไม่มีค่า P/E มานานแล้ว เพราะบริษัทขาดทุนมาตลอด การที่นักลงทุนเข้ามาเล่นก็น่าจะเป็นการเก็งกำไรตามข่าว หุ้นตัวนี้ขึ้นมาหลายเด้งแล้ว เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาเตือนระดับ 3 และให้ใช้ Cash Balance ก็มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกแรงเทขายทำกำไรออกมา”


จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง พบว่า T ขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 ขาดทุน 119.18 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 186.72 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 91.01 ล้านบาท และปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 22.67 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 T ยังคงขาดทุนสุทธิอีก 31.37 ล้านบาท

 

ด้าน คณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า มีโอกาสค่อนข้างน้อยที่ราคาหุ้น T จะปรับตัวขึ้นไปต่อเนื่อง เพราะเริ่มชนแนวต้านสำคัญที่ 0.26 บาท ซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2559 แล้ว จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ตัดขาดทุนทันทีที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดทาง

 

“การเล่นหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานต้องใช้เทคนิคเข้ามาจับ ตอนนี้สัญญาณเทคนิคบอกว่าหุ้นตัวนี้ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 0.26 บาท ซึ่งเคยทำไว้ยาวนานไปได้ จึงมีความเสี่ยง ส่วนผลประกอบการก็ยังขาดทุน ขณะที่กลุ่มทุนใหม่ๆ ที่จะเข้ามายังต้องรอ ดังนั้นหุ้น T จึงมีความเสี่ยงสูง กลยุทธ์ที่ต้องใช้คือการตัดขายเท่านั้น” คณฆัสกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising