สมาชิกสภาสามัญหรือสภาล่างของสหราชอาณาจักร ไม่เห็นชอบญัตติขอจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธันวาคมของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน โดยมี ส.ส. โหวตสนับสนุนเพียง 299 ต่อ 70 เสียง ซึ่งไม่ถึง 2 ใน 3 หรืออย่างน้อย 434 เสียง จากทั้งหมด 650 เสียงตามที่กำหนดในกฎหมายวาระการดำรงตำแหน่งในรัฐสภา (Fixed-Term Parliaments Act) โดย ส.ส. ฝ่ายค้านจำนวน 272 คนตัดสินใจงดออกเสียง
อย่างไรก็ตาม จอห์นสันจะเดินหน้าผลักดันให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดการเดิมในวันอังคาร (29 ตุลาคม) ด้วยการเสนอร่างกฎหมายที่ต้องการเพียงเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งในสภาล่าง จากที่ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 เหมือนกับที่พยายามเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) ซึ่งถือเป็นช่องทางสำหรับรัฐบาลเพื่อเลี่ยงกฎหมาย Fixed-Term Parliaments Act
จอห์นสันกล่าวต่อ ส.ส. ในรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้กระบวนการ Brexit สำเร็จลุล่วง พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส. หยุดนำประเทศชาติเป็นตัวประกัน หลังจากที่ทำหน้าที่อย่างผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา
แต่ถึงแม้รัฐบาลจะต้องการเสียงโหวตเกินกึ่งหนึ่งเท่านั้นในรอบนี้ แต่จอห์นสันก็ยังต้องอาศัยคะแนนโหวตจาก ส.ส. พรรคลิเบอรัลเดโมแครต และ SNP อยู่ดี ขณะที่พรรคเลเบอร์ได้แสดงท่าทีไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมาตลอด
สำหรับญัตติขอยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่เมื่อวานนี้ ได้รับการลงมติสนับสนุนจาก ส.ส. พรรคคอนเซอร์เวทีฟทั้งหมด แต่พรรคเลเบอร์ รวมถึงพรรค SNP และ DUP งดออกเสียง ขณะที่พรรคลิเบอรัลเดโมแครตมี ส.ส. ที่โหวตคัดค้าน
จุดยืนของพรรคเลเบอร์คือจะไม่โหวตให้มีการเลือกตั้งใหม่ จนกว่ารัฐบาลรับประกันว่าจะไม่เกิดกรณี Brexit แบบไร้ข้อตกลง หรือ No-deal Brexit ขึ้น
ทั้งนี้การลงมติในสภาล่างของอังกฤษมีขึ้นหลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) มีมติเห็นพ้องให้เลื่อนกำหนดเส้นตาย Brexit จากวันที่ 31 ตุลาคมไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2020 หรือขยายเวลา 3 เดือนนับจากเส้นตายเดิม อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่พอใจนัก เพราะเขามีเจตจำนงให้สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU ตามกำหนดการเดิมมาตลอด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: