สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. วันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เดินทางด้วยเครื่องบินถึงไต้หวันแล้ว ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนแรกในรอบ 25 ปีที่เดินทางเยือนไต้หวัน ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่การเยือนของเพโลซีอาจทำให้จีนตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหารตามที่เคยประกาศเตือนไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้แผนเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีไม่เพียงแต่ทำให้จีนเฝ้าจับตามองเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความยากลำบากให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่น้อย ซึ่งแม้แต่กองทัพสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโจ ไบเดนเอง ก็เคยแสดงความคิดเห็นออกมาเป็นนัยๆ ว่า ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ เพราะเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนไหว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเพโลซีจะถูกโน้มน้าวโดยทำเนียบขาวและกองทัพสหรัฐฯ ให้ทบทวนและไตร่ตรองใหม่ แต่เธอก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ โดยต้องการใช้ทริปนี้แสดงการสนับสนุนไต้หวัน แม้ว่ารัฐบาลจีนจะขู่ใช้กำลังตอบโต้ก็ตาม
ในบทความความคิดเห็นของเพโลซีที่เผยแพร่ใน The Washington Post หลังจากที่เครื่องบินของเพโลซีลงจอดที่ไต้หวันแล้ว ระบุว่า การเยือนไต้หวันของเธอเป็นการแสดงพันธกรณีของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันภายใต้การถูกคุกคามจากจีน
“ในยามที่เผชิญกับการถูกรุกรานจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะสมาชิกสภาคองเกรสของเราควรแสดงจุดยืนที่แน่ชัดว่าสหรัฐอเมริกายืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน ซึ่งเป็นพันธมิตรประชาธิปไตยของเรา ในขณะที่ไต้หวันปกป้องตนเองและเสรีภาพของตนเอง” เพโลซีเขียน
ทั้งนี้ เพโลซีจะพักที่กรุงไทเปในคืนนี้ และมีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ในเช้าวันพรุ่งนี้ (3 สิงหาคม) จากนั้นจะไปเยี่ยมรัฐสภาไต้หวัน
ก่อนหน้านี้จีนได้ออกมาประกาศเตือนหลายครั้ง รวมทั้งประกาศซ้อมรบในบริเวณช่องแคบไต้หวัน เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้เพโลซีเปลี่ยนความตั้งใจ นอกจากนี้ในการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำจีนยังเตือนไบเดนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวว่า สหรัฐฯ ‘อย่าเล่นกับไฟ’ ในกรณีของไต้หวัน
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกแถลงการณ์โจมตีเพโลซี โดยระบุว่า การเยือนไต้หวันของเพโลซีนั้นคือการไม่สนใจคำเตือนที่เข้มงวดของฝ่ายจีน
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังระบุว่า การเยือนไต้หวันครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้กับฝ่ายที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน อีกทั้งยังละเมิดหลักการจีนเดียวที่สหรัฐฯ ยึดถือมาตลอด
จีนยังเตือนด้วยว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อรากฐานความสัมพันธ์ทางการเมืองของจีนและสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างร้ายแรง