×

BREAKING: เงินยูโรอ่อนค่า! จนมีมูลค่าเทียบเท่าดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

12.07.2022
  • LOADING...

ค่าเงินยูโรและดอลลาร์​มีมูลค่าเท่ากันครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังยูโรอ่อนค่าราว 20% ต่อเนื่อง 14 เดือน

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ช่วงเวลานี้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ หรือ 20 ปี ที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินยูโรและดอลลาร์ใกล้เคียงหรือเท่ากัน โดยเหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันในยุโรป แต่ไม่เป็นผลดีต่อชาวยุโรปที่ไปเยือนสหรัฐอเมริกา

 

สาเหตุหลักที่ค่าเงินสองสกุลหลักของโลกเกือบเท่ากันเช่นนี้ มาจากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าต่อเนื่องเกือบ 20% ในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ เงินยูโรถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1999 เกือบ 6 ปีหลังสนธิสัญญามาสทริชต์ก่อตั้งสหภาพยุโรปขึ้น แต่ในช่วง 3 ปีแรกเงินยูโรเป็น ‘สกุลเงินที่มองไม่เห็น’ ซึ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางบัญชีเท่านั้น

 

จากนั้นในปี 2002 ธนบัตรและเหรียญก็เริ่มหมุนเวียนอย่างเป็นทางการ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเงินยูโรมีการซื้อ-ขายอย่างต่อเนื่องเหนือดอลลาร์ และเคยแข็งค่าอยู่ที่ 1.60 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 1 ยูโรมีมูลค่าโดยเฉลี่ย 1.18 ดอลลาร์

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคากรลางสหรัฐฯ (Fed) ทำให้ดอลลาร์เป็น Safe Haven สำหรับนักลงทุนทั่วโลกที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น

 

สำหรับชาวอเมริกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นน่าจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ แต่สำหรับชาวยุโรป ค่าเงินยูโรที่ตกต่ำจะทำให้การเดินทางยากขึ้นและทำให้กำลังซื้อลดลง

 

โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่นำไปสู่การลดลงล่าสุดของเงินยูโร ประการแรก เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปกำลังชะลอตัว และความกลัวว่าเศรษฐกิจถดถอยกำลังเพิ่มสูงขึ้น

 

คริสทาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า สภาพธุรกิจใน 19 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปนั้นมืดมัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

 

จอร์จีวากล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า เราอยู่ในน่านน้ำที่ผันผวน ปีนี้เป็นปีที่ยาก และปี 2023 ก็อาจจะยากขึ้นไปอีก

 

ด้านสหภาพยุโรป ประเทศสมาชิกยังต้องประสบกับวิกฤตด้านพลังงานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสงครามในยูเครน และการคว่ำบาตรรัสเซียที่ตามมาภายหลัง ดังตัวอย่างเช่น สถานการณ์เลวร้ายในเยอรมนีที่ล่าสุด โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและปฏิบัติการด้านสภาพอากาศของประเทศ กล่าวเตือนเมื่อเดือนมิถุนายนว่า หากรัสเซียลดการจัดหาก๊าซธรรมชาติ อาจหมายถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่เทียบกับวิกฤต Lehman Brothers สำหรับเยอรมนี

 

ปัจจัยอีกประการที่ทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงคือ นโยบายการเงินที่หละหลวมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในขณะที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ เพื่อพยายามต่อสู้กับเงินเฟ้อ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ขณะที่ฝั่ง ECB เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านก็ยังคงประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นเดิม

 

“อีกปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความอ่อนแอของเงินยูโรคือ ข้อสงสัยที่เพิ่มขึ้นว่า ECB สามารถเริ่มดำเนินการฟื้นวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้อย่างที่คิดในตอนแรกหรือไม่ ความคาดหวังว่าธนาคารกลางจะดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายนั้นเกิดขึ้นทั่วโลก เพราะความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป” จิม รีด นักยุทธศาสตร์จาก Deutsche Bank กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ECB กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นวาระในเดือนกรกฎาคม แม้ว่าเจ้าหน้าที่บางคนจะแสดงความกังวลว่าธนาคารกลางอาจยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising