ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% สู่ระดับ 3% ในการประชุมนโยบายการเงินล่าสุด เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 10.1% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาตามคาดการณ์ของตลาด โดยการปรับดอกเบี้ยในครั้งนี้นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 8 และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบ 33 ปีของ BOE
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า BOE จะมีท่าทีสายเหยี่ยวลดลงหลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของประเทศ เนื่องจาก ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะกลับมาใช้นโยบายการคลังแบบปกติอีกครั้งหลังจากที่นโยบายในสมัยของ ลิซ ทรัสส์ ได้สร้างความวุ่นวายให้ตลาด ซึ่งหมายความว่านโยบายการเงินและการคลังของอังกฤษหลังจากนี้จะเดินไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 พฤศจิกายน) BOE ได้จัดการประมูลขายพันธบัตรรัฐบาลที่เคยซื้อตุนไว้ ขณะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ซึ่งมีมูลค่ารวม 8.38 แสนล้านปอนด์ (หรือกว่า 36 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก
ในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด BOE ต้องดำเนินมาตรการ QE หรือเข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินในปริมาณมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ชนิดต่างๆ รวมไปถึงพันธบัตรรัฐบาล เพื่ออัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ ทำให้ภาคเอกชน รัฐบาล หรือธนาคารพาณิชย์มีเงินสดเพิ่มมากขึ้น
โดย BOE ตั้งเป้าที่จะขายพันธบัตรรัฐบาลที่เรียกว่า ‘Gilt’ จำนวน 6 พันล้านปอนด์ ในการประมูล 8 ครั้ง ตลอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลลง 8 หมื่นล้านปอนด์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ดันดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดรอบ 14 ปี ด้านหุ้นสหรัฐฯ รูดหนัก
- Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด 0.75% พร้อมส่งสัญญาณขึ้นต่อลากยาวถึงปีหน้า
- นักวิเคราะห์ชี้พิษนโยบาย Fed เป็นเหตุทำตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน
อ้างอิง: