จากเปเล่สู่โรนัลโด (ออริจินัล) จากเนย์มาร์ถึงวินิซิอุส จูเนียร์ นี่คือตัวอย่างเล็กๆ ของความมหัศจรรย์ในสนามที่ฟ้าส่งมาเกิดที่บราซิล
แต่ในช่วงเวลาที่เกมลูกหนังแดนแซมบ้า – ชนชาติที่ได้รับการยกย่องว่ามีสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมาจากจิตวิญญาณของการใช้ชีวิตที่เรียกว่า Ginga – กำลังถูกตั้งคำถามว่าความมหัศจรรย์ที่เคยมีมันได้หมดไปแล้วอย่างนั้นหรือ หลังตกต่ำหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะคนที่แบกความหวังของทีมมาตลอดอย่างเนย์มาร์ ดูเหมือนจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาไปแล้ว
แต่วันนี้บราซิลได้บอกกับทุกชาติบนโลกว่า ช้าก่อนสหาย
นายรู้จัก ‘เอ็นดริก’ แล้วหรือยัง?
ชื่อของเอ็นดริกไม่ได้ถึงกับเป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะแม้จะไม่ได้โด่งดังในแบบปรากฏการณ์เหมือนที่ครั้งหนึ่งสื่อมวลชนทั้งในบราซิลและทั่วโลกต่างพยายามบอกต่อโลกลูกหนังให้จับตาดูเนย์มาร์ เจ้าชายพระอาทิตย์ที่แจ้งเกิดในทีมซานโตส ทีมเดียวกับเปเล่ ราชาลูกหนังโลกตลอดกาล แต่ชื่อของเอ็นดริกก็ปรากฏในข่าวให้เห็นเหมือนกัน
เพราะนี่คือสมบัติชิ้นต่อไปของทีม ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ที่ฟลอเรนติโน เปเรซ ไปชิงคว้าตัวตัดหน้ามาได้ก่อนหลายๆ สโมสร ซึ่งรวมถึงเชลซี ที่ตกเป็นข่าวว่าอยากได้ตัวเด็กหนุ่มที่อายุอานามยังไม่ครบ 17 ปีดีเลย
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ข่าว เราเพิ่งจะได้เห็นความสุดยอดของเอ็นดริกจริงๆ ในเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติบราซิลกับทีมชาติอังกฤษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง
โดยเอ็นดริกได้โอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรอง ซึ่งเป็นการลงสนามนัดที่ 3 ในนามทีมชาติ ทำประตูชัยให้ ‘กานารินญา’ บุกมาสอย ‘สิงโตคำราม’ คาบ้านในสนามเวมบลีย์ เมกะลูกหนังที่แม้แต่เปเล่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาเหยียบ (เพราะบราซิลแพ้อังกฤษตกรอบฟุตบอลโลก 1966 ก่อนจะถึงนัดชิงชนะเลิศ)
ประตูโทนที่ทำให้บราซิลชนะไป 1-0 ทำให้เอ็นดริกกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมชาติบราซิลได้ในยุคสมัยใหม่ ด้วยวัย 17 ปีกับอีก 246 วัน โดยสถิติก่อนหน้านี้เป็นของ ‘R9’ โรนัลโด นาซาริโอ
ก่อนที่ล่าสุดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาไอ้หนุ่มรายนี้จะยิงประตูตีเสมอให้บราซิลบุกมายันสเปนได้แบบสุดมันอีก 3-3 ในเกมกระชับมิตรที่ไม่ได้เป็นแค่เกมกระชับมิตรธรรมดา แต่เกี่ยวพันกับน้ำตาของวินิซิอุส จูเนียร์ ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของบราซิลคนปัจจุบัน เพราะเกมนัดนี้เกิดขึ้นจากปัญหาการเหยียดสีผิวที่เขาเจอตลอดหลายปีที่ผ่านมาในสเปน
เด็ก 17 ปีที่ยิงประตูใส่อังกฤษและสเปนได้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เด็กธรรมดาๆ
สำหรับคนที่ผ่านเกมลูกหนังมานานและมากพอ เอ็นดริกกำลังทำให้คิดถึงกองหน้าในตำนานของบราซิลอีกคน ที่ไม่ใช่ทั้งเปเล่หรือโรนัลโด
แต่เป็นโรมาริโอ ดาวยิงพระกาฬที่เคยเป็นกำลังหลักในการพาบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา
“ผมคิดว่าเขามีบางส่วนคล้ายกับโรมาริโอนะ” โจ โคล อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษพูดถึงเอ็นดริกหลังจบเกมที่เวมบลีย์เมื่อวันเสาร์ “ด้วยรูปร่าง ด้วยวิธีการพาบอลหนีไปของเขา”
โรมาริโอเป็นกองหน้าหุ่นมะขามข้อเดียว ตัวไม่ได้สูงใหญ่แต่มีฐานที่แน่นมาก ศูนย์ถ่วงที่ต่ำทำให้เขาล้มได้ยาก อีกทั้งยังมีข้อเท้าดี พลิกบอลล็อกบอลได้อย่างนุ่มนวลในจังหวะที่คู่แข่งยากจะคาดเดาทางได้ และที่สำคัญคือสัญชาตญาณการล่าประตูซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีโรงเรียนลูกหนังไหนสอนได้
เอ็นดริกหรือในชื่อเต็มว่า เอ็นดริก เฟลิเป โมเรรา เดอ ซูซา มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน แววในการเป็นยอดนักเตะของเขาเห็นชัดตั้งแต่ปลายหาดโคปาคาบานาเลยทีเดียว
เพียงแต่ช่วงชีวิตวัยเยาว์ของเขาก็ไม่ได้ง่ายดายอะไรนัก
เด็กหนุ่มผู้เกิดในปี 2006 ที่เมืองตากัวตินกา ซึ่งอยู่ใกล้กับบราซิเลีย เมืองหลวงของประเทศบราซิล มีชีวิตความเป็นอยู่ในวัยเด็กที่ยากลำบาก ด้วยความที่แม่ของเขาคลอดเขาในระหว่างที่ยังเป็นคนไร้บ้าน สุดท้ายเด็กคนนี้ต้องใช้เวลาในสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้า
แต่ชีวิตที่ยากลำบากไม่สามารถขัดขวางพรสวรรค์ในตัวของเอ็นดริกได้ ชั้นเชิงลูกหนังที่เก่งกาจเกินวัย ทำให้พ่อของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยหนีหายไปตามล่าความฝันในการเป็นนักฟุตบอล พยายามบันทึกคลิปวิดีโอลีลาการเล่นของลูกชายแล้วอัปโหลดขึ้นบน YouTube ไว้
ด้วยหวังว่าจะมีแมวมองคนไหนสักคนได้เห็นและเปิดประตูให้เอ็นดริกได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
พ่อของเขาทำแบบนี้อยู่พักใหญ่ จนเมื่อเอ็นดริกอายุได้ 11 ปีก็มีสโมสรติดต่อมาจริงๆ โดยเป็นพัลไมรัสที่อยากได้ตัวเด็กคนนี้มาเข้าอะคาเดมีของสโมสร โดยข้อเสนอนั้นไม่ใช่เพียงแค่พาตัวเด็กมาอย่างเดียว แต่ยังเสนอที่พักอาศัยใหม่ให้ทั้งครอบครัว รวมถึงตำแหน่งงานคนทำความสะอาดให้แก่พ่อของเจ้าหนูมหัศจรรย์ด้วย
ความพยายามดังกล่าวของพัลไมรัสกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะพวกเขาเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เข้าอย่างจัง
เอ็นดริกโชว์พลังลูกหนังสุดอัศจรรย์ในทีมระดับเยาวชนของสโมสร ยิงไป 165 ประตูจากการลงเล่น 169 นัด ก่อนจะได้โอกาสติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี 2 เดือน กับอีก 16 วัน
โดยที่หลังจากนั้นแค่ 2 เดือน ก็มีการประกาศข่าวใหญ่ว่าเรอัล มาดริด ตกลงที่จะคว้าตัวเอ็นดริกไปร่วมทีมด้วยค่าตัวกว่า 35 ล้านยูโร พร้อมกับออปชันในการจ่ายเพิ่มตามผลงานอีก 25 ล้านยูโร เรียกว่ามหาศาลสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรมากมายนัก
แต่สำหรับเรอัล มาดริดแล้ว พวกเขาก็คิดเหมือนพัลไมรัสในตอนแรก เด็กคนนี้คือความมหัศจรรย์ที่นานๆ ฟ้าจะส่งมาเกิดสักคนหนึ่ง และไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้
โดยที่ผลงานในทีมชาติบราซิล 2 นัดที่ผ่านมาเป็นเหมือนการพิสูจน์ว่าทีมดังของสเปนตัดสินใจถูกแล้วเช่นกัน เพราะหากรอเจรจาหลังจากนี้มีโอกาสสูงที่ค่าตัวของเอ็นดริกจะพุ่งทะยานไปไกลกว่านี้
หลังจากนี้เอ็นดริกเตรียมจะย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดอย่างเป็นทางการในช่วงปิดฤดูกาลนี้ ตามข้อกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้เด็กย้ายมาเล่นในสโมสรยุโรปก่อนอายุครบ 18 ปี ซึ่งจะได้อยู่ในทีมเรอัล มาดริดยุค ‘กาลาคติกอสใหม่’
นอกจากรุ่นพี่อย่าง ‘วินิ’, โรดริโก แล้วยังมี จูด เบลลิงแฮม, โอเรเลียง ชูอาเมนี, เอดูอาร์โด คามาวิงกา, เฟเดริโก วัลเวร์เด และ คีลิยัน เอ็มบัปเป ที่เตรียมจะย้ายมาร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้ด้วยเหมือนกัน
เอ็นดริกอาจจะเด็กที่สุดในบรรดานักเตะเหล่านี้ แต่ในเรื่องของพรสวรรค์แล้วไม่ได้เป็นรองใครเหมือนกัน
จะไปได้ไกลถึงไหนยังไม่รู้ แต่ขอฝากเด็กระเบิดคนใหม่ไว้ในอ้อมใจแฟนลูกหนังก่อนแล้วกันนะ 🙂
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/sport/football/68648667
- https://uk.news.yahoo.com/endrick-brazils-latest-football-prodigy-102600183.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAHNRRdiiiHIJ3T-rw_iBYgb8UK-SeH4xxahpGYlpgqMvdM9s_qiLIvLRBdWVmYAwh5iW_Im29D1j7TuOu3kr_J_G8c8JpHUuw_ANZ_CzZ0fBMXRLsFRP5BwoIUaaAacbJ9EYJic56w2YWiHRMXyjbbhIPcWz4qwPEBOqMCZJN4-a