ธปท. ปรับเกณฑ์โครงการคลินิกแก้หนี้ให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 กันยายน 2565 พร้อมปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายใหม่เป็น 3 รูปแบบ
ธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย แต่การฟื้นตัวดังกล่าวยังไม่ทั่วถึง ประกอบกับค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนยังแตกต่างกัน โดยบางกลุ่มยังผ่อนชำระได้น้อยจึงต้องใช้เวลานาน ในขณะที่บางกลุ่มสามารถผ่อนชำระเป็นจำนวนเงินสูงขึ้นได้ เพื่อให้หมดภาระหนี้เร็วขึ้น จากเดิมที่โครงการคลินิกแก้หนี้กำหนดการปรับโครงสร้างหนี้โดยให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเงินต้นเป็นรายเดือน โดยจ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี เป็นระยะเวลานานสูงสุด 10 ปี แต่เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะกับบริบทเศรษฐกิจมากขึ้น คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) จึงได้ปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้ 2 เรื่อง ได้แก่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี
- เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. พุ่งแตะ 7.86% ‘พาณิชย์’ คาดถึงจุดสูงสุดแล้ว
- อาคม คาด GDP ปีนี้โตถึง 3.5% ให้คำมั่นเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
- ปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย จากเดิมก่อนวันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นก่อนวันที่ 1 กันยายน 2565 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
- ปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ จากเดิมที่มีเพียงทางเลือกเดียว เป็น 3 ทางเลือก ดังนี้
2.1 ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี
2.2 ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี
2.3 ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
โดยให้มีผลสำหรับหนี้ใหม่ที่เริ่มผ่อนชำระในโครงการตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ลูกหนี้ควรพิจารณาทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของตนเอง โดยลูกหนี้สามารถชำระและปิดจบหนี้ได้เร็วกว่าเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับใด แต่หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข ก็อาจต้องออกจากโครงการไป
สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการคลินิกแก้หนี้ สะสมจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2565 มีลูกหนี้เข้าโครงการจำนวน 30,137 ราย รวม 90,539 บัญชี ภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 6,849 ล้านบาท โดยเฉลี่ยลูกหนี้ 1 ราย มีเจ้าหนี้ในโครงการ 2 ราย เงินต้นคงเหลือตามสัญญา 232,844 บาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เข้าโครงการในช่วงสถานการณ์โควิด คือปี 2563 ถึงปัจจุบัน จำนวน 26,943 ราย 78,744 บัญชี
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท. ยังได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง แถลงข่าวการจัดงาน ‘มหกรรมร่วมใจแก้หนี้: มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน’ ซึ่งครอบคลุมหนี้ประเภทต่างๆ จากเจ้าหนี้เอกชนและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมประมาณ 60 แห่ง มีกำหนดจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนออนไลน์เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 มุ่งช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ รายได้ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ผ่านมา จึงขอให้ประชาชนที่เข้าข่ายโปรดติดตามข่าวและเตรียมตัวลงทะเบียนต่อไป
ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารโครงการหรือติดต่อสมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ LINE: @debtclinicbysam และ Facebook: คลินิกแก้หนี้ by SAM รวมทั้ง Call Center โทร. 1443 ได้ทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.