วันนี้ (2 กันยายน) พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยอมรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีวรยุทธขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ที่มี วิชา มหาคุณ เป็นประธานฯ พร้อมดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องการรื้อฟื้นคดีอาญา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องวรยุทธใน 3 ข้อหาคือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือฯ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย แต่คาดว่าในส่วนของข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือฯ อัยการอาจสั่งไม่ฟ้อง เพราะคดีขาดอายุความไปแล้ว
โดย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็พร้อมรับผิดชอบด้วยการเข้ามาตรวจสอบภาพรวมคดีนี้ด้วยตัวเอง พร้อมตั้งจเรตำรวจเป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างการพิจารณาโทษทางวินัยของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีนี้จำนวน 21 คน แบ่งเป็น 10 คนที่เพิ่งตรวจพบข้อบกพร่องใหม่ และอีก 11 คนที่เคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดแล้ว หากพบความผิดเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาเพิ่มเติมก็จะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาอีกครั้ง และหากพบตำรวจรายใดอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ก็อาจเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งให้มีการช่วยราชการไว้ก่อน พร้อมยืนยันว่าการพิจารณาความผิดผู้ใดคงไม่สามารถดำเนินการตามใจสื่อมวลชนหรือกระแสสังคมได้ แต่หากพบพยานหลักฐานว่ามีตำรวจนายใดเข้าข่ายประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ช่วยเหลือปกป้องตำรวจที่กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
พล.ต.ท. จารุวัฒน์ กล่าวด้วยว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจไม่สามารถเรียก พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาสอบสวนได้ เนื่องจาก พล.ต.อ. สมยศ ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว และในรายงานของวิชาไม่ได้ระบุชื่อชัดเจน แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะผู้ที่เข้าให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ต่างเป็นอิสระต่อกัน
ส่วนการตามตัววรยุทธกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ต้องรอให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก่อนจึงจะดำเนินการตามขั้นตอนขอหมายแดงจากองค์กรตำรวจสากลได้ และที่ผ่านมาตำรวจพบความเคลื่อนไหวของวรยุทธ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยประเทศปลายทางได้ และไม่สามารถชี้ชัดได้เช่นกันว่าวรยุทธถือหนังสือเดินทางของชาติใดอยู่ เนื่องจากอำนาจการออกหนังสือเดินทางเป็นของประเทศนั้นๆ
นอกจากนี้ พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ยังชี้แจงกรณีวิชาระบุว่าตำรวจตั้งรูปสำนวนคดีนี้ผิดตั้งแต่แรก โดยแจ้งข้อหา ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ทำให้สำนวนคดีไม่ตรงไปตรงมา ยืนยันว่าการแจ้งข้อหา ด.ต. วิเชียร เป็นไปตามกระบวนการของพนักงานสอบสวน ถูกต้องตามหลักการ ซึ่งคู่กรณีในความผิดกฎหมายจราจรจะต้องถูกตั้งข้อหาทั้งสองฝ่าย เนื่องจากจะมีผลที่ทำให้ผู้เสียชีวิตได้ประโยชน์จากการสอบสวนและเยียวยาในภายหลัง
ส่วนกรณีที่วิชาระบุว่าได้มีการกันตัว พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นพยานในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะมีการสอบสวนดำเนินคดีอาญาเกิดขึ้น พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ จึงยังอยู่ในฐานะของผู้ที่ถูกพาดพิงในคดีนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์