“ในความเป็นเด็กสาวธรรมดา เฌอปรางมีความเป็นไอดอล ในความเป็นไอดอล เฌอปรางก็มีความเป็นเด็กสาวธรรมดา หนังสือเล่มนี้วิ่งอยู่ระหว่างสองพื้นที่อันน่าอัศจรรย์นั้น”
นี่คือนิยามแรกจาก นิ้วกลม หรือ เอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ ที่ได้บรรยายถึง ‘ตัวตน’ ของ เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันคนเก่งแห่ง BNK48 เอาไว้ในบทนำของ Soft Power หนังสือที่เขาอาสาพาเรามานั่งฟังบทสนทนาและร่วมถอดบทเรียนจากเรื่องราวบนเส้นทางสายไอดอลของเฌอปราง ที่เธอหวังว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะช่วยส่งต่อ ‘พลังอันนุ่มนวล’ ให้ผู้อ่านได้รับกำลังใจเล็กๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้กับทุกเรื่องราวของชีวิตต่อไป
สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามเฌอปรางอย่างใกล้ชิดหรือไม่รู้จักเธอมาก่อน หนังสือ Soft Power ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความรู้จักไอดอลสาวคนนี้ เริ่มตั้งแต่การสวมบทบาทเป็นเด็กกิจกรรมตั้งแต่ชั้นประถม สู่เรื่องราวในรั้วโรงเรียนรุ่งอรุณที่ส่งเสริมให้เธอกลายเป็น ‘นักตั้งคำถาม’ เพื่อหาคำตอบต่อทุกสรรพสิ่งด้วย ‘การทดลอง’
ก่อนที่ความชื่นชอบในการ์ตูนจะพาเธอไปรู้จักกับ AKB48 และ ยามาโมโตะ ซายากะ (อดีตสมาชิกวง NMB48) ผู้เป็นแสงสว่างให้กับเธอในยามที่ชีวิตมืดหม่น จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการ ‘ทดลอง’ เพื่อหาคำตอบว่าไอดอลที่เธอชื่นชอบต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ด้วยการก้าวเข้าสู่เส้นทางสายไอดอลด้วยตัวเอง แถมพ่วงมาด้วยฐานะกัปตันวง BNK48
แต่สำหรับแฟนคลับตัวยงของ แคปเฌอ ที่ติดตามเธอมาตลอด 3 ปีเต็ม เรื่องราวเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องราวพื้นฐานที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และ Soft Power จะพาทุกคนลงไปสำรวจทุกแง่มุมความคิดของเธออย่างตรงไปตรงมาที่สุด ทั้งระบบ 48Group ที่เฌอปรางมองว่ามันคือ ‘แบบจำลองสังคม’ ที่ชัดเจนที่สุด, การรับหน้าที่เป็นกัปตันวงทำให้เธอรู้ว่า ‘ผู้นำที่ดี’ คือผู้ที่มองเห็นคุณค่าของเพื่อนร่วมทีม, การแต่งกายให้ดูดีคือหนึ่งในหน้าที่การงาน, การแข่งขันคือการคัดสรรของธรรมชาติที่เป็นสัจธรรมของโลก ฯลฯ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ถูกบอกเล่าขนานกันไปกับเส้นทางชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันของเธอ
และในทุกคำตอบล้วนมาจากการเผชิญหน้ากับความผิดพลาด ความผิดหวัง ความเจ็บปวด รวมไปถึงบทเรียนจากครูบาอาจารย์ ความรักจากครอบครัวและแฟนคลับ กำลังใจและความสำเร็จที่ทำให้เธอยอมรับและเข้าใจในความเป็นจริงของโลกที่เป็นอยู่
รวมถึงเรื่องราวก่อนและหลังงาน Cherprang’s Fanmeet – Me and My Cats ที่ถูกบอกเล่าผ่านปลายปากกาของเฌอปรางที่บันทึกทุกห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่เธอได้รับจากทีมงาน ครู เพื่อนร่วมวง และแฟนคลับที่มาพบเธอในวันสุดพิเศษ
ในขณะเดียวกัน ช่วงท้ายของทุกๆ บทเราจะได้รับฟังมุมมองของนิ้วกลมหลังจากที่ได้สนทนากับเฌอปรางในประเด็นต่างๆ ไปพร้อมกับการถอดบทเรียนที่ชายหนุ่มวัย 41 ปี (และผู้อ่านอีกหลายท่าน) ได้เรียนรู้จากเรื่องราวของเด็กสาววัย 24 ปีคนนี้
ซึ่งหากเราจะต้องถอดบทเรียนที่ได้รับจากบทสนทนาระหว่างเฌอปรางและนิ้วกลมออกมาสักเรื่องหนึ่ง อะไรคือสิ่งที่เราได้รับจากหนังสือ Soft Power เล่มนี้
สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนและส่งผลต่อความรู้สึกอย่างเอ่อล้นจากบทสนทนากว่า 288 หน้าและตัวอักษรนับพันนับหมื่นคือ เราไม่ได้สู้อยู่เพียงลำพัง
เราต่างกำลังวิ่งอยู่บนถนนที่ชื่อว่า ‘ชีวิต’ เพื่อมุ่งหน้าสู่ ‘เป้าหมาย’ ที่อยากจะไปให้ถึง ซึ่งหลายครั้งหลายคราเราต้องเผชิญหน้ากับลมมรสุมที่ทำให้เราหกล้มจนหมดแรงจะก้าวต่อ
เช่นเดียวกับเฌอปรางที่ต้องเผชิญหน้ากับลมมรสุมบนเส้นทางของตัวเอง แต่เธอก็มักจะได้รับ ‘กำลังใจ’ จากเรื่องราวการต่อสู้ของ ยามาโมโตะ ซายากะ ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อความฝัน ที่ฉุดให้เธอลุกขึ้นมาออกวิ่งอีกครั้ง
การรับรู้ว่าเราไม่ได้สู้อยู่เพียงลำพังคือ ‘พลังอันนุ่มนวล’ ที่ผลักดันให้เฌอปรางฟันฝ่าลมมรสุมเหล่านั้นมาได้ เธอจึงพยายามทำหน้าที่ในฐานะไอดอลเพื่อส่งต่อ ‘พลังอันนุ่มนวล’ นี้ให้กับทุกคนที่กำลังล้มอยู่ เพื่อฉุดให้ทุกคนลุกขึ้นและ ‘สู้ไปด้วยกัน’ เช่นเดียวกับที่เธอเคยได้รับมาจากไอดอลที่ตัวเองชื่นชม
ซึ่งเรื่องราวและบทเรียนของเฌอปรางที่นิ้วกลมได้กลั่นกรองออกมาเป็นหนังสือ Soft Power เล่มนี้ ถือเป็นอีกหนึ่ง ‘พลังอันนุ่มนวล’ ที่เธออยากจะมอบให้กับผู้อ่าน ทั้งคนที่เป็นแฟนคลับและคนที่ไม่เคยติดตามเธอมาก่อนได้รับรู้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง เพราะตอนนี้ยังมีเธอและใครอีกหลายคนที่กำลังเผชิญหน้ากับลมมรสุมแห่ง ‘ชีวิต’ ไปพร้อมกับเรา
ดังเช่นคำพูดที่เธอมักจะกล่าวกับทุกคนอยู่เสมอว่า
go go together ~
หนังสือ: Soft Power
ผู้เขียน: นิ้วกลม, เฌอปราง อารีย์กุล
สำนักพิมพ์: มติชน
ราคา: 390 บาท
ภาพประกอบโดย
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล