วานนี้ (15 สิงหาคม) ที่บริเวณถนนข้าวสาร ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ. อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วสันต์ บุญหมื่นไวย์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร และ ศศิธร ประสิทธิ์พรอุดม สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตพระนคร ลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบกิจการของสถานประกอบการคล้ายสถานบันเทิง
ภายหลังการลงพื้นที่ประมาณ 2 ชั่วโมง ทวิดากล่าวว่า จากการตรวจสอบมาตรฐานการใช้พื้นที่ยอมรับว่ามีข้อกังวล ในส่วนของลักษณะร้านที่ด้านในสามารถเข้า-ออกได้เพียงด้านเดียว ในกลุ่มที่เป็นร้านดังกล่าวจะเห็นว่ามีการจัดโต๊ะที่หนาแน่น เพราะฉะนั้นในส่วนข้อแก้ไขคือจะต้องปรับผังการจัดวางโต๊ะใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะไม่ใช่การทำให้จำนวนลูกค้าน้อยลงจนเกินไป แต่จะเป็นการเปิดทางให้มีทางเดินที่สะดวกและเห็นได้ชัด ขณะที่ในส่วนของพื้นที่ด้านหน้าร้าน เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันจันทร์ ทำให้ร้านหาบเร่ไม่ได้มาตั้งขาย และมีของวางปิดในส่วนของทางเข้า-ออก จึงได้มีการประสานให้จัดวางให้เป็นระเบียบ และได้ตักเตือนไป
ในส่วนของเรื่องเสียง ในพื้นที่นี้มีสมาคมที่รวมกลุ่มดูแล เพราะฉะนั้นจะมีระเบียบกำหนดว่าเมื่อถึงเวลาเท่าใดจะต้องหยุด และสามารถใช้เสียงได้ระดับไหน จะเห็นว่าในพื้นที่ก็จะใช้การถ้อยทีถ้อยอาศัย เน้นการพูดคุย บางร้านที่มีลักษณะเป็นระเบียงหรือส่วนต่อเติมชั้นสองเคยมีการพูดคุยว่าอาจจะมีบันไดพาดไว้สำหรับป้องกันเหตุฉุกเฉินหรือไม่ แต่ก็จะต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ เพราะวิธีนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง
ทวิดากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ประจำร้านหรือการ์ด ถือว่ามีการวางแผนงานได้อย่างดี เพราะแต่ละร้านมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นการแจ้งเหตุแล้ว ยังเป็นการช่วยวิเคราะห์ว่ากลุ่มคนที่มาเที่ยวช่วงไหนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเรื่องอาวุธในพื้นที่
ส่วนอุปกรณ์ป้องกันเหตุอัคคีภัยจำนวนต่อร้าน ต่อพื้นที่ที่ต้องใช้ถือว่าพอตามหลักเกณฑ์ แต่ด้วยการพิจารณาว่ามีการใช้บริการที่หนาแน่น ส่วนตัวมองว่าอยากจะขอความร่วมมือเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อให้เป็นที่สบายใจ แต่ขอยืนยันว่าทุกร้านปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าในส่วนของถังดับเพลิงหรือถังแดงหลายร้านมีลักษณะใหม่มาก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะร้านมีการปิดให้บริการในช่วงโควิดมาสักพักหนึ่งจึงเพิ่งเริ่มซื้อใหม่ และร้านบางส่วนพบการตรวจคุณภาพของถังล่าสุดอยู่ที่ปี 2563 หลังจากนี้ก็จะต้องมีการอัปเดต
ทวิดากล่าวอีกว่า เรื่องที่ได้ฝากประชาสัมพันธ์ให้แต่ละร้านทำผังแสดงทางเข้าออกให้ชัดเจน ในพื้นที่ข้าวสารอาจจะเป็นความได้เปรียบที่ร้านมีลักษณะพื้นที่จำกัด ทำให้ผู้ที่ใช้บริการมองเห็นด้วยทัศนวิสัยที่พอดี แต่ทั้งนี้ก็จะมีข้อเสียเปรียบตรงที่ทางเข้า-ออกจำกัด ส่วนหนึ่งของเรื่องนี้คือพนักงานหรือเจ้าของร้าน ผู้ดูแลร้านจะต้องช่วยประชาสัมพันธ์ และเท่าที่สอบถามหลายร้านพนักงานสามารถพูดภาษาอังกฤษ และให้ความรู้ในการเข้า-ออกสถานที่ได้
นอกจากเรื่องระบบการป้องกันอัคคีภัยแล้ว ยังได้ดูในส่วนของเรื่องสาธารณสุข ความสะอาดของห้องประกอบอาหาร พื้นที่ใช้สอยรอบบริเวณ ซึ่งเรื่องนี้มั่นใจว่าปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก กทม. จะให้เวลา 1-2 วันในร้านที่ได้รับข้อท้วงติงไป เพื่อปรับปรุงและกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง บางร้านที่แม้จะมีผู้ใช้งานน้อย แต่เมื่อมองแล้วมีข้อที่ต้องปรับปรุงก็จะชี้แจงไปทันที
สำหรับเรื่องร้านขายกัญชาในพื้นที่พบว่าทั้ง 5 ร้านรอบบริเวณย่านข้าวสารมีการขออนุญาตถูกต้อง แต่นอกจากใบอนุญาตแล้ว ร้านค้าเองก็จะต้องมีการสื่อสารกับกลุ่มผู้ซื้ออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มที่กังวลมากที่สุดคือกลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้ที่ไม่ควรจะใกล้ชิด จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ค้ามีความรอบคอบตรวจตราให้ดี
“สำหรับวิธีการตรวจไม่ได้มีแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น แต่วัตถุประสงค์การตรวจจะแตกต่างกันไป สำหรับทางสำนักงานเขตจะมีการสุ่มตรวจทุกวันเพื่อที่จะทำบทสรุปส่งให้ส่วนกลางทุกวันอังคาร และภายในสัปดาห์จะต้องมีการสุ่มตรวจทั้งของร้านที่ผ่านการตักเตือนแล้วและร้านอื่นๆ แบบที่สองของการตรวจคือ พล.ต.อ. อดิศร์จะถามข้อมูลเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และพื้นที่ที่ต้องติดตามต่อ ร้านที่จะต้องแก้ไขเร่งด่วน โดยจะมุ่งเน้นเป็นจุด” ทวิดากล่าว
ด้าน พล.ต.อ. อดิศร์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจในพื้นที่ถนนข้าวสาร เชื่อว่าผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องการจะร่วมมือเต็มที่ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกิดความสบายใจของทุกฝ่าย และสามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติ
สำหรับร้านประกอบการ นอกจากจะทำให้ปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญคือดูแลผู้ที่มาท่องเที่ยว ซึ่งความปลอดภัยไม่ได้ดูแค่เรื่องกายภาพ แต่จะต้องช่วยสังเกตผู้ที่มาท่องเที่ยว เป็นเรื่องของจรรยาบรรณความรับผิดชอบของเจ้าของร้าน
ขณะที่ศศิธรได้ย้ำเตือนในส่วนที่เป็นสถานประกอบการลักษณะคล้ายสถานบันเทิงว่า จะต้องมีทางเข้า-ออกสองทาง รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการขอใบอนุญาตเป็นหลัก และต้องลงพื้นที่ตรวจสอบสม่ำเสมอ ขอยืนยันว่า นอกจากการเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว ก็จะต้องทำเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย