แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนตะวันออกกลาง ประกาศแผนเปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในกรุงเยรูซาเลมขึ้นอีกครั้ง โดยเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อพยายามฟื้นความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ ที่ถูกลดทอนลงในยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เคยมีสถานกงสุลในเยรูซาเลม ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ แต่ถูกอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ สั่งปิดไปเมื่อปี 2019 หลังจากที่เปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลม เพื่อยอมรับให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ท่าทีของบลินเคนมีขึ้นภายหลังการพบปะกับมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ เมื่อวานนี้ (25 พฤษภาคม) ที่เมืองรามัลเลาะห์ ในเขตเวสต์แบงก์ โดยเขาไม่ได้ระบุวันที่แน่นอนในการเปิดสถานกงสุล แต่ระบุว่าความเคลื่อนไหวนี้จะเป็นหนทางสำคัญของสหรัฐฯ ในการมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนประชาชนปาเลสไตน์
“เหมือนที่ผมบอกท่านประธานาธิบดี ผมมาที่นี่เพื่อเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการสร้างความสัมพันธ์กับทางการปาเลสไตน์และประชาชนชาวปาเลสไตน์ขึ้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นจากความเคารพซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่นร่วมกันว่า ชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอลสมควรได้รับมาตรการที่เท่าเทียมกัน ทั้งด้านความมั่นคง เสรีภาพ โอกาสและศักดิ์ศรี” เขากล่าว
ขณะที่อับบาสแสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ สำหรับความมุ่งมั่นใจการแก้ปัญหาของ 2 รัฐ และรักษาสถานะดั้งเดิมของฮารัม อัล-ชารีฟ (เนินพระวิหาร) ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมุสลิมและชาวยิวในเยรูซาเลม และเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักซอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดลำดับที่ 3 ของศาสนาอิสลาม
ด้าน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่าความเคลื่อนไหวในการเปิดสถานกงสุลที่เยรูซาเลมนั้น เป็นขั้นตอนตามธรรมชาติในการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับปาเลสไตน์ ซึ่งถดถอยลงในยุคของทรัมป์ พร้อมทั้งประกาศความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยในการฟื้นฟูฉนวนกาซาที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
สำหรับการเยือนตะวันออกกลางของบลินเคน มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ หลังอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และยุติการสู้รบยาวนาน 11 วัน ซึ่งคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปอย่างน้อย 253 ราย และชาวอิสราเอล 12 ราย
ซึ่งชนวนความขัดแย้งล่าสุดเกิดขึ้นในเยรูซาเลมตะวันออก หลังการใช้กำลังของตำรวจอิสราเอลในการปราบปรามกลุ่มชาวปาเลสไตน์ทั้งในและนอกมัสยิดอัล-อักซอ ที่ออกมาประท้วงต่อต้านการไล่ที่หลายครอบครัวชาวปาเลสไตน์ออกจาย่านชีคจาร์ราห์ เพื่อให้ชาวอิสราเอลย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐาน
ขณะที่บลินเคนยังให้คำมั่นว่าจะระดมการสนับสนุนจากนานาชาติในการช่วยเหลือฟื้นฟูกาซา และประกาศมอบงบประมาณเกือบ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ รวมถึง 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับกาซา ทำให้จำนวนเงินที่รัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยเหลือปาเลสไตน์ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่มสูงกว่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว แตกต่างจากในรัฐบาลทรัมป์ที่ตัดงบช่วยเหลือปาเลสไตน์ลงเกือบทั้งหมด
ภาพ: Issam Rimawi / Anadolu Agency via Getty Image
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: