ราคาเหรียญดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ ยังมีความผันผวนสูง โดยนักลงทุนพากันเทขายทำกำไรในเหรียญการลงทุนดังกล่าวออกมาจำนวนมาก จนราคาเหรียญบิตคอยน์ล่าสุด ลดลงไปกว่า 1,000 ดอลลาร์ มาเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ราคาบิตคอยน์ที่ร่วงแรงในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างแรง และโดยส่วนตัวยังมั่นใจว่า อนาคตราคาของบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นเกินกว่า 2 หมื่นดอลลาร์อย่างแน่นอน
สาเหตุที่มั่นใจว่าราคาบิตคอยน์ในระยะยาวยังไปได้ต่อมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. หลังการเกิดบิตคอยน์ ฮาฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือจำนวนการเกิดใหม่ของเหรียญบิตคอยน์ที่ลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 4 ปี มักทำให้ราคาเพิ่มขึ้นร้องแรงทุกครั้ง
“ถ้าดูการเกิดฮาฟวิ่งครั้งแรก ราคาเพิ่มจาก 11 ดอลลาร์ขึ้นไปแตะ 1,150 ดอลลาร์ รอบที่สอง ราคาเพิ่มขึ้นจาก 650 ดอลลาร์ ไปแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์ ส่วนรอบนี้ขึ้นมาจาก 3,000 ดอลลาร์ ล่าสุดอยู่ที่ 17,000 ดอลลาร์ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะขึ้นไปสูงกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ระหว่างทางอาจมีพักฐานบ้าน”
ส่วนปัจจัยที่ 2 คือการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งล่าสุด Grayscale ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การกำกับดูแลอิสระ (FINRA) ของสหรัฐฯ ได้เข้าลงทุนในบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอีก 1.5 หมื่นเหรียญบิตคอยน์
ก่อนหน้านี้ MicroStrategy ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ได้นำเงินลงทุนส่วนหนึ่งเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์ และบริษัท Square ซึ่งมีผู้ก่อตั้งและซีอีโอคนเดียวกับ Twitter ก็ได้เข้าลงทุนในบิตคอยน์เช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่ 3 คือการที่ PayPal ธนาคารออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกที่มีลูกค้ากว่า 346 ล้านบัญชี และมีร้านค้าที่รองรับกว่า 26 ล้านร้านค้า กำลังจะเปิดให้คนที่มีบัญชีสามารถซื้อขายบิตคอยน์ได้ในปีหน้า ซึ่งหมายความว่าคนจะยิ่งมีความสะดวกสบายในการใช้บิตคอยน์
นอกจากนี้ยังไม่รวมกับกรณีที่ DBS ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ เตรียมตั้งกระดานซื้อขายบิตคอยน์ที่สิงคโปร์ในปีหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่า เงินจะไหลเข้าสู่ตลาดบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอีกมาก ในขณะที่จำนวนเหรียญเกิดใหม่มีน้อยลง
Bloomberg ระบุว่า บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ร่วงลงอย่างแรงในวันนี้ โดยบิตคอยน์ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ทำให้ The Bloomberg Galaxy Crypto Index ในช่วงหนึ่งร่วงลงมากกว่า 6%
แม้ว่าราคาบิตคอยน์จะย่อลงมา แต่เมื่อดูภาพรวมทั้งปีนี้ ราคาพุ่งขึ้นมาเกินกว่าเท่าตัว และขึ้นไปท้าทายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี 2560 ในระดับ 19,511 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อถือต่อบิตคอยน์เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน หรือแม้แต่มหาเศรษฐี ต่างเข้ามาลงทุน รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นเหตุผลให้บิตคอยน์พุ่งกลับขึ้นมา
โดยผู้สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินดิจิทัลเปรียบเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อนค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะความสนใจของนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุน Fidelity Investments และ JPMorgan Chase & Co. และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Van Eck Associates Corp. ได้เปิดตัวตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์บนแพลตฟอร์มของ Deutsche Boerse Xetra และในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา PayPal Holdings Inc. ได้อนุญาตให้ลูกค้าสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลทดแทนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ Forbes ระบุก่อนหน้านี้ว่า Tone Vays นักลงทุนด้านสกุลเงินดิจิทัล กล่าวว่า เขากำลังคาดหวังว่าบิตคอยน์จะปรับฐานอย่างมีนัยสำคัญลงไปถึงระดับ 14,000-15,000 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนข้างหน้านี้ หลังจากนั้นอีก 1-2 เดือน น่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับไปแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์ โดยเขาคาดว่าจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ช่วงปลายไตรมาส 1 ของปีหน้า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- www.forbes.com/sites/benjaminpirus/2020/11/25/bitcoins-upward-price-action-could-be-topping-for-now-traders-say/?sh=40aaf27438f0
- www.bloomberg.com/news/articles/2020-11-26/crypto-boom-shaken-as-bitcoin-plunges-along-with-other-coins?sref=CVqPBMVg