ราคาบิทคอยน์ (BTC) สามารถพุ่งทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้แรงหนุนจากการอนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐฯ ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมหาศาล
ตลาดกระทิงในครั้งนี้จะมีความแตกต่างจากครั้งก่อนเมื่อปี 2021 หรือไม่
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 บิทคอยน์แตะระดับสูงสุดตลอดกาล (All-time High) ที่ประมาณ 69,000 ดอลลาร์ หนุนให้มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ส่วนปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตหลายประการที่ทำให้ตลาดกระทิงในครั้งนี้ดูยั่งยืนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
ประการแรก การเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อปี 2021 มาจากโปรเจกต์คริปโตมากมายที่หลอกลวงนักลงทุน และสุดท้ายบริษัทเหล่านั้นก็ล้มละลายในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย Terra ของ โด ควอน หรือแม้แต่อดีตเว็บเทรดคริปโตชั้นนำของโลกอย่าง FTX ขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาในครั้งนี้มาจากปัจจัยพื้นฐานและการยอมรับของสถาบันการเงินมากกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยกองทุน Bitcoin Spot ETF เข้าซื้อ BTC มากกว่าปริมาณ BTC ที่ขุดได้ในแต่ละวันมากถึง 10-12 เท่า แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ของสกุลเงินดิจิทัลที่มีมหาศาล
ประการที่สอง ตลาดกระทิงเมื่อปี 2021 เต็มไปด้วย Lettuce Hands หรือนักลงทุนที่ขาย BTC เมื่อมีสัญญาณแรกของปัญหา และมักจะจบลงด้วยการขาดทุน ในขณะที่ตลาดกระทิงในครั้งนี้ อุปทานมากกว่า 70% ถูกถือครองด้วยนักลงทุนระยะยาว ซึ่งไม่ได้ต้องการขาย แม้ว่าตลาดจะเจอกับข่าวร้าย ทำให้ความผันผวนในบิทคอยน์น้อยลงกว่าในปี 2021
ประการที่สาม บิทคอยน์กำลังจะเข้าสู่เหตุการณ์สำคัญอย่าง Halving ในอีก 9 สัปดาห์ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะทำให้รางวัลที่จ่ายให้กับนักขุดบิทคอยน์ลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC นั่นหมายถึงอุปทานของเหรียญใหม่ที่ขุดได้จะเข้าสู่ตลาดลดลง ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นนั่นเอง
ประการที่สี่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และน่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเชิงบวกต่อตลาดคริปโต ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งทำให้การลงทุนที่ปลอดภัยน่าดึงดูดยิ่งขึ้น อาจหมายถึงเม็ดเงินน้อยลงสำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สกุลเงินดิจิทัล และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทำให้ตลาดหุ้นและตลาดคริปโตมีความน่าสนใจมากขึ้น
ประการสุดท้าย ไม่มีโฆษณาเกี่ยวกับคริปโตในงาน Super Bowl บริษัทคริปโตรายใหญ่ รวมถึง BlackRock และ Grayscale งดเว้นจากการโฆษณาในงานใหญ่นี้ นับเป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งหมายความว่าบริษัทคริปโตที่หลอกลวงจะหาผลประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของตลาดได้น้อยลงด้วย โฆษณาในงาน Super Bowl ได้เปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี เช่น AI และสกุลเงินดิจิทัล ไปสู่ผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: