×

ขาลงอาจยังไม่จบง่ายๆ แม้ราคา Bitcoin จะร่วงลงมาแล้ว 70% จนเกือบจะหลุด 20,000 ดอลลาร์

14.06.2022
  • LOADING...
ราคา Bitcoin

จากจุดสูงสุดของราคา Bitcoin เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ ผ่านมา 7 เดือน ราคาของ Bitcoin ลดลงไปถึง 70% จนไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ที่ระดับประมาณ 20,800 ดอลลาร์ในวันนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเสี่ยงที่จะเข้าไปซื้อ Bitcoin ในเวลานี้อาจจะยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมนัก หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เอนเอียงไปในทิศทางที่ว่าราคาของ Bitcoin รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่อาจร่วงลงไปได้อีก

 

1. ความเสี่ยงจากผู้ถือครองรายใหญ่อย่าง MicroStrategy 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ buybitcoinworldwide.com ซึ่งรวบรวมข้อมูลการถือครอง Bitcoin ของบริษัท กองทุน และประเทศต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า MicroStrategy เป็นบริษัทมหาชนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด จำนวน 129,218 เหรียญบิทคอยน์ ส่วนอันดับ 2 คือ Tesla ที่ถือครอง 42,902 เหรียญบิทคอยน์ 

 

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการถือครองของ MicroStrategy ซึ่งเคยถูกมองว่าต่ำมากก่อนหน้านี้ ปัจจุบันอาจไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Fortune ระบุว่า MicroStrategy จะต้องถูกเรียกหลักประกันเพิ่มเติมหากราคา Bitcoin ร่วงลงไปต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์ 

 

ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยของ MicroStrategy สำหรับการถือครอง Bitcoin ทั้งหมดอยู่ที่ราว 30,700 ดอลลาร์ โดยบริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 3.97 พันล้านดอลลาร์ ฉะนั้นแล้วการที่ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมาถึง 21,000 ดอลลาร์ ทำให้ MicroStrategy ขาดทุนไปถึง 1 พันล้านดอลลาร์ 

 

ประเด็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ หากราคาของ Bitcoin ยังลดลงต่อเนื่อง หรือบริษัทอย่าง MicroStrategy และบริษัทอื่นๆ ที่ใช้การกู้ยืมมาซื้อ Bitcoin และไม่สามารถวางหลักประกันเพิ่มเติมได้ สุดท้ายแล้วบริษัทเหล่านี้จะถูกบังคับให้เทขายออกมาซ้ำเติมราคาให้ลดลงหนักไปอีกได้ 

 

2. ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของ Fed

ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang บริษัทให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคา Bitcoin และ Ethereum ทิ้งดิ่ง ปัจจัยหลักคือเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯ ประกาศออกมาสูงเกินคาดที่ +8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

 

“นั่นหมายถึงเงินเฟ้อก็ยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1-3 เดือนนี้แน่นอน ดังนั้น Fed ก็ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของคริปโตก็คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดก็ไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก ดังนั้นไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย” 

 

ด้าน โอเลก ไกเบอร์สไตน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Coinrule แพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโตอัตโนมัติ มองว่า คริปโตกำลังถูกกดดันเช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาด และนำไปสู่การร่วงลงของราคาอย่างหนัก 

 

“ไม่ใช่แค่คริปโตที่ร่วงลงมา ทุกสินทรัพย์ร่วงหมด และในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า แนวโน้มของเศรษฐกิจจะดูแย่ ในขณะที่ธนาคารกลางต่างๆ กำลังอยู่ในจุดที่ตัดสินใจลำบาก เพราะเศรษฐกิจชะลอในขณะที่เงินเฟ้อสูง ดังนั้นนักลงทุนจึงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหุ้นเทค ขณะที่นักลงทุนหน้าใหม่ขาดทุนไปมากเพราะพยายามจะรับมีด”

 

3. การล่มสลายของคริปโตอื่นในตลาด

หลังจากที่ Algorithmic Stablecoin อย่าง TerraUSD (UST) ถล่มลงมาจนแทบจะไม่มีมูลค่าใดๆ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดคริปโตลดลงไปพอสมควร และไม่เพียงแค่ Terra เท่านั้น ความปั่นป่วนจากเหตุการณ์ในลักษณะนี้ยังมีให้เห็นตามมาต่อเนื่อง อย่างล่าสุดคือกรณีของ Celsius แพลตฟอร์มที่ให้บริการรับฝากและกู้ยืมคริปโต ได้ประกาศระงับการทำธุรกรรมชั่วคราว 

 

คอรีย์ มิลเลอร์ นักวิเคราะห์ของ Dydx กล่าวว่า ความเสี่ยงของ Celsius เข้ามาซ้ำเติมการถล่มลงของคริปโต จากข้อมูลบางส่วนที่ระบุว่า Celsius กำลังจะถูกบังคับขายสินทรัพย์บางส่วนออกมา 

 

ด้าน แมตต์ โฮแกน ซีอีโอของ Bitwise Asset Management กล่าวว่า เรากำลังเผชิญกับกระบวนการในการเคลียร์คนออกจากตลาดหลังจากผ่านช่วงตลาดกระทิง ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนจะเจ็บปวดและอาจกินเวลายาวนานกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ 

 

“ความท้าทายคือ เรายังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าผลกระทบจากกรณีของ Celsius จะเป็นอย่างไร หรือเราจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันนี้อีกหรือไม่” 

 

4. ขาขึ้นรอบใหญ่ของ Bitcoin มักจะเกิดในช่วง Bitcoin Halving 

หากพิจารณาจาก Bitcoin Halving ใน 3 รอบที่ผ่านมา คือ ปี 2012, 2016 และ 2020 หลังจากนั้นราคาของ Bitcoin และคริปโตอื่นๆ ต่างวิ่งขึ้นรอบใหญ่ทั้งสิ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยการปรับฐานรอบใหญ่เช่นกัน ทำให้ตลาดคาดการณ์กันว่าราคาของ Bitcoin จะกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งหลังเกิด Bitcoin Halving ในครั้งถัดไป ซึ่งจะเกิดขึ้นวันที่ 1 เมษายน ปี 2024 

 

อย่างไรก็ตาม จากจุดนี้ไปถึง Bitcoin Halving ครั้งถัดไปยังใช้เวลาอีกเกือบ 2 ปี นั่นหมายความว่าเราอาจจะยังไม่เห็นขาขึ้นรอบใหญ่ของ Bitcoin ในเร็วๆ นี้ก็เป็นได้ 

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X