Bitcoin ร่วงแตะ 36,350 ดอลลาร์ ปมขัดแย้ง ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ด้านนักวิเคราะห์ชี้เป็นโอกาสให้เกิดการใช้งานมากขึ้นในอนาคต
ช่วง 1 วันที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกเทขายออกมาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็รวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ราคาของบรรดาเหรียญต่างๆ ปรับตัวลดลงอย่างหนักในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ณ เวลา 10.42 น. ราคาของ Bitcoin ลดลงมาแตะระดับ 36,474 ดอลลาร์ ร่วงลงมา 6.7% ขณะที่ Ethereum ลดลงมาเหลือ 2,516 ดอลลาร์ ลดลง 7.2% ส่วนเหรียญอย่าง Cardano และ Solana ร่วงลงถึงประมาณ 14%
ปัจจัยกดดันสำคัญที่ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ลดลงคือความกังวลต่อภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ดูเหมือนจะลุกลามมากขึ้น โดยข้อความส่วนหนึ่งที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์คือ การตัดสินใจยอมรับการแยกเป็นอิสระและอธิปไตยของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์
ขณะเดียวกัน ปูตินยังได้กล่าวว่า “สำหรับผู้ที่มีอำนาจ ณ กรุงเคียฟ เราขอเรียกร้องให้ยุติการเป็นศัตรูลงในทันที มิเช่นนั้นแล้วการนองเลือดที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะต้องเป็นความรับผิดชอบทั้งหมดของรัฐบาลผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศ”
จากถ้อยแถลงที่เกิดขึ้นทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปต่ำกว่า 37,000 ดอลลาร์ จากก่อนหน้านั้นที่อยู่ในระดับประมาณ 38,000 ดอลลาร์
ธนลภย์ ปรีดามาโนช นักวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub Academy มองว่า ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก สำหรับ Bitcoin แม้จะมีผู้ที่มองว่า Bitcoin คือ ‘ทองคำดิจิทัล’ แต่ปัจจุบันยังมีผู้ที่เชื่อในลักษณะนี้ไม่มากนัก
ประกอบกับการที่มีผู้เข้ามาเก็งกำไรในตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้ Bitcoin และคริปโตอื่นๆ ประพฤติเป็นสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าในปัจจุบัน
เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงในลักษณะนี้ นักลงทุนมักจะเข้าสู่โหมด Risk Off ก่อน และขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา โดยความเสี่ยงที่นอกเหนือจากสงครามคือการที่สหรัฐฯ อาจจะตัดสินใจแบนการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสจะปรับสูงขึ้นต่อ ผลที่ตามมาคือเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นอีก และอาจจะกดดันให้สหรัฐฯ ใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้น ซึ่งจะกลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มอีก
“แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ เหตุการณ์นี้กระทบกับพื้นฐานของ Bitcoin จริงๆ หรือไม่ ซึ่งคำตอบคือไม่กระทบ และกลับกันก็มีโอกาสที่จะเห็นคนหันมาใช้ Bitcoin มากขึ้นอีก”
ธนลภย์กล่าวต่อว่า หากตามข่าวเกี่ยวกับมุมมองของรัสเซียต่อ Bitcoin ก่อนหน้านี้ ในทีแรกมีข่าวว่าธนาคารกลางรัสเซียจะแบนคริปโต แต่หลังจากนั้นปูตินออกมาบอกว่าจะสนับสนุน เนื่องจากรัสเซียมีความได้เปรียบในเรื่องของการทำเหมือง
หากตีความจากประเด็นดังกล่าวเชื่อว่าตอนแรกรัสเซียอาจต้องการแบนคริปโตเพื่อควบคุมระบบการเงินในประเทศ แต่เมื่อจะเกิดสงครามทำให้สถานการณ์พลิกทันที เพราะสงครามที่อาจเกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เรื่องของนิวเคลียร์ แต่รวมไปถึงธุรกรรมการเงิน ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะแบนรัสเซียจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินดอลลาร์
“ทางออกของรัสเซียอย่างหนึ่งคือการหาช่องทางชำระเงินที่ไม่สามารถถูกแบนได้และไม่มีตัวกลาง ซึ่งก็คือ Bitcoin”
สงครามที่อาจจะเกิดขึ้นอาจนำมาซึ่งการแบนการส่งออกน้ำมันด้วย ตรงนี้ถือเป็นรายได้หลักของรัสเซีย เพราะฉะนั้นหากรัสเซียสามารถเปลี่ยนพลังงานที่มีเพื่อก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เองแทนที่การส่งออกอย่างการนำมาใช้กับโครงสร้างพื้นฐานของ Bitcoin ก็จะเป็นทางออกของรัสเซียได้เช่นกัน
“โดยสรุปแล้วเชื่อว่าในระยะสั้นคริปโตจะยังปรับฐานต่อ เพราะแรงกดดันจากนักเก็งกำไรที่มีอยู่มากในตลาด แต่หากดูพื้นฐานจริงๆ ดูเหมือนจะไม่กระทบและมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นได้”
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP