Binance ผู้ให้บริการระบบบล็อกเชนและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ของโลก ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามเครือข่ายอาชญากรภายในประเทศที่ก่อเหตุฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทีมสืบสวนของ Binance ทำงานร่วมกับทีมปฏิบัติการหลักทั้ง 2 ทีม ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งนำไปสู่การจับกุมอาชญากรผู้กระทำความผิดในการหลอกลวงประชาชนผ่านสกุลเงินดิจิทัล
ทีมสืบสวนของ Binance ได้ร่วมมือกับ บช.สอท. และหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ในการติดตามอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฉ้อโกงขนาดใหญ่ครั้งนี้ที่มีผู้เสียหายในไทยกว่าพันราย โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า ‘Trust No One’ และนำไปสู่การยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และจับกุมสมาชิกคนสำคัญในกลุ่มอาชญากรจำนวน 5 ราย ซึ่ง ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566 มีผู้เสียหายเข้ายื่นคำร้องแล้วกว่า 3,200 ราย
พ.ต.ท. ธนธัส กังรวมบุตร สารวัตรกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวขอบคุณ Binance ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการจัดการกลุ่มอาชญากรดังกล่าว เพราะในช่วงที่ผ่านมาการหลอกลวงที่เกี่ยวกับคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินในประเทศไทยมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตข้างหน้า Binance จะยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญที่จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการต่อสู้กับการหลอกลวงและอาชญากรรมทางไซเบอร์ต่อไป
นอกจากนี้ทีมสืบสวนของ Binance ยังมีบทบาทสำคัญในการสืบสวนการหลอกลวงผ่านคริปโต พร้อมเข้าจับกุมเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และอุดรธานี กว่า 30 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่จาก บช.ก. กว่า 200 นาย ได้รวมกำลังเข้ายึดบ้านหรู 16 หลัง รถยนต์หรู 12 คัน พร้อมเงินสดมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท
พ.ต.ท. ภานุภัทร กิตติพันธ์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เล่าว่า “ความช่วยเหลือจากทีมสอบสวนของ Binance ทำให้เรารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเหล่าทีมงานได้ส่งมอบข้อมูลที่จำเป็นให้กับพวกเราได้ในทันทีที่ร้องขอ ซึ่งทำให้เราสามารถจัดทำประวัติคดีและขอหมายจับได้ นอกจากนี้ทาง Binance ยังได้แสดงถึงความตั้งใจที่จะต่อกรกับกลุ่มอาชญากรด้วยการร่วมส่งพนักงานสอบสวนมายังประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการสัมภาษณ์พยานอีกด้วย”
มร.ทิกราน แกมบาเรียน (Tigran Gambaryan) หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลอาชญากรรมทางการเงินของ Binance กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ ทีมสืบสวนของเราและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยจะมุ่งมั่นปกป้องผู้ใช้งานและส่งเสริมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อไป โดย Binance จะยังคงร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการเรียกคืนความเชื่อมั่นในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างดีที่สุด”
ทั้งนี้ การทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายถือเป็นส่วนสำคัญของ Binance ในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ การสนับสนุนความปลอดภัยของระบบนิเวศ Web 3.0 และการผลักดันการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลก โดยกว่าสามปีที่ผ่านมา Binance ได้ตอบรับคำร้องและให้ความช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมากกว่า 103,000 รายการ โดยทางบริษัทจะยังคงเดินหน้าลงทุนเพื่อสร้างบุคลากรด้านการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน เพื่อให้เท่าทันต่อภูมิทัศน์ของการบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
