×

คริปโตจะเข้าสู่กระแสหลักในอีก 3 ปี! ส่องอนาคตโลกคริปโตผ่านงาน Binance Blockchain Week

05.11.2024
  • LOADING...
Binance Blockchain Week Dubai 2024

HIGHLIGHTS

  • Rachel Conlan, Chief Marketing Officer (CMO) ของ Binance คาดว่า ในอีก 36 เดือนข้างหน้า คริปโตจะเข้าสู่กระแสหลัก (Mainstream) ด้วยการยอมรับจากผู้ใช้งาน 20% ของประชากรโลก 
  • Binance TH เป็น 1 ใน 20 ตลาดหลักของ Binance ที่กำลังเติบโตได้ดี แต่จำเป็นต้องเพิ่มการให้ความรู้และการสนับสนุนจากรัฐบาล
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้ใช้คริปโตต่อประชากรมากที่สุด 33% และเป็นประเทศที่ค่อนข้างเอื้อต่อการใช้งานคริปโต
  • ซีอีโอของ Circle เชื่อว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า Stablecoin จะได้รับการยอมรับมากขึ้น และ Programmable จะเป็นอนาคตของเงินในยุคดิจิทัล

THE STANDARD WEALTH มีโอกาสไปร่วมงาน Binance Blockchain Week Dubai 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 4,000 คน ธีมหลักของงานในปีนี้คือ Momentum ซึ่งหมายถึงแรงส่งที่จะทำให้คริปโตเคอร์เรนซีได้รับการยอมรับในวงกว้าง 

 

คริปโตจะเข้าสู่กระแสหลักในอีก 3 ปี

 

THE STANDARD WEALTH มีโอกาสพูดคุยกับ Rachel Conlan, Chief Marketing Officer (CMO) ของ Binance 

 

Rachel Conlan บอกว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ Binance คือ เราจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานไปถึงระดับ 1 พันล้านรายได้อย่างไร จากปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานของ Binance อยู่ที่ 240 ล้านราย

 

“เป้าหมายของเราชัดเจนว่าคือการมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 พันล้านราย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตจากเฉพาะกลุ่ม (Niche) สู่กระแสหลัก (Mainstream)” 

 

แม้ผู้คนจะเริ่มสนใจและเข้าถึงคริปโตมากขึ้น แต่ถ้าดูอัตราส่วนผู้ใช้งานคริปโตทั่วโลกต่อจำนวนประชากรโลกยังอยู่ที่เพียง 6% เท่านั้น ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราการใช้งานคริปโตประมาณ 20% ของประชากรทั้งประเทศ

 

ทั้งนี้ การที่คริปโตจะเข้าสู่กระแสหลักนั้น Rachel Conlan มองว่า ทุกๆ 5 คนของประชากรจะต้องมีผู้ใช้คริปโต 1 คน ไม่ว่าจะเป็นการถือครอง ซื้อขาย หรือทำธุรกรรม ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีก 36 เดือนเพื่อไปถึงจุดนั้น 

 

สำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมา เฉพาะแค่ Binance มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 60 ล้านราย แต่ความท้าทายและโอกาสของเราในฐานะตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนระดับโลกคือ เราจะเข้าถึงคนแต่ละประเทศที่แตกต่างกันได้อย่างไร ซึ่งปัจจุบัน Binance เปิดบริการอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก 

 

Rachel Conlan กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คริปโตเข้าถึงผู้คนในวงกว้างมากขึ้น นอกจากการปรับตัวเข้ากับตลาดท้องถิ่นและการสร้างคอมมูนิตี้แล้ว ส่วนสำคัญคือการหาพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมที่เรียกว่า WEB 2.0 และช่วยกันผลักดันสู่ WEB 3.0 เพื่อให้เกิดการใช้งานในโลกจริงมากขึ้น

 

Binance TH หนึ่งในตลาดที่กำลังขยายตัวสูง

 

ปัจจุบัน Binance TH ในประเทศไทยเป็น 1 ใน 20 ตลาดหลักของ Binance และเป็นตลาดสำคัญที่จะช่วยหนุนให้คริปโตขยายตัวได้ในวงกว้าง

 

ไม่เพียงแค่ในไทยเท่านั้น แต่ Rachel Conlan กล่าวว่า ผู้ใช้งานในเอเชียจะเป็นหนึ่งในการเติบโตที่สำคัญ ด้วยประชากรที่อายุน้อยและคุ้นชินกับดิจิทัล 

 

อย่างไรก็ตาม การที่คนไทยจะใช้คริปโตมากขึ้นจำเป็นต้องมีอีก 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ การให้ความรู้ เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจว่าคริปโตมีประโยชน์อย่างไร และการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านการออกกฎหมายรองรับในหลายๆ ด้าน เพราะปัจจุบันคนไทยสามารถซื้อขายได้เท่านั้น 

 

ส่วนประเทศที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานคริปโตมากที่สุดต่อประชากรคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานในปีนี้ โดยมีสัดส่วนราว 33% ต่อประชากร และผู้ใช้งานสามารถใช้คริปโตในการชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ในหลากหลายสถานที่

 

ประโยชน์ของคริปโต

 

นอกจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนทั่วไปแล้ว คริปโตจะได้รับการยอมรับและมีผู้ใช้งานมากขึ้นได้ด้วยประโยชน์ต่อผู้คน และหนึ่งในนั้นคือการนำมาใช้เพื่อ Tokenization สินทรัพย์ต่างๆ หรือการแปลง หรือทำให้สินทรัพย์ต่างๆ อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เป็นกระบวนการที่สินทรัพย์ถูกแปลงเป็น ‘โทเคน’ (Token) ที่สามารถย้าย จัดเก็บ หรือบันทึก บน Blockchain ได้

 

Amira Sajwani ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ PRYPCO กล่าวว่า กระบวนการ Tokenization จะช่วยลดข้อจำกัดของการลงทุน อย่างการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 2.5 ล้านดอลลาร์ สามารถลดลงมาเหลือเพียง 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งกระบวนการนี้สามารถทำกับสินทรัพย์ได้หลากหลาย แม้แต่ตราสารหนี้หรือเครื่องมือการเงินดั้งเดิมต่างๆ 

 

ด้าน Dr.Mahmoud AlBurai, Senior Director Real Estate Policies & Innovation, Dubai Land Department กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายของดูไบในปี 2033 คือ การเพิ่มมูลค่าธุรกรรมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จาก 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ ผ่านการใช้เทคโนโลยี ซึ่งกระบวนการ Tokenization จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน

 

อนาคตของเงินดิจิทัล

 

อีกหนึ่งเวทีที่น่าสนใจในงานครั้งนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับปัจจุบันและอนาคตของสกุลเงินดิจิทัล โดย Jeremy Allaire ซีอีโอของ Circle ผู้สร้าง USDC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ มองว่า ปัจจุบันมูลค่าของ Stablecoin ที่หมุนเวียนในระบบคิดเป็นเพียง 1.5 แสนล้านดอลลาร์ เทียบกับตลาดเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกมูลค่า 130 ล้านล้านดอลลาร์

 

“12 เดือนข้างหน้าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับ Stablecoin” Jeremy Allaire กล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกรอบการกำกับดูแลในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมเปรียบเทียบพัฒนาการของ Stablecoin กับสื่อดิจิทัลในยุคแรกเริ่ม ซึ่งการลดต้นทุนการสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด

 

Jeremy Allaire บอกว่า เงินในยุคถัดไปคือเงินที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ (Programmable Money) ซึ่งอนุญาตให้เราสามารถใส่กฎต่างๆ เข้าไปในสื่อตัวกลางทางการเงินได้โดยไม่จำเป็นต้องมีกฎระเบียบภายนอก

 

“Stablecoin มีศักยภาพในการปฏิวัติระบบการเงินโลก ด้วยการลดต้นทุนการทำธุรกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในการโอนและจัดการมูลค่า” Jeremy Allaire กล่าว

 

ในประเด็นกฎระเบียบ Jeremy Allaire แสดงความเชื่อมั่นว่า ผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การกำกับดูแลที่ส่งเสริมนวัตกรรม

 

มุมมองจาก CZ ต่อ Bitcoin

 

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานในครั้งนี้คือ การกลับมาขึ้นเวทีของ Changpeng Zhao หรือ CZ ผู้ร่วมก่อตั้ง Binance และอดีตซีอีโอของ Binance ซึ่งได้รับการตัดสินโทษจำคุก 4 เดือนในสหรัฐฯ และต้องยุติบทบาทซีอีโอของ Binance ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา 

 

เมื่อถูกถามถึงอนาคตของ Bitcoin ต่อจากนี้ CZ กล่าวว่า เขาไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แต่ทำได้เพียงวิเคราะห์จากข้อมูลในอดีต ซึ่งที่ผ่านมาวัฏจักรของ Bitcoin ค่อนข้างเป็นรูปแบบที่ชัดเจนคือ ปี 2012 เป็นปีแห่งการฟื้นตัว, ปี 2013 เป็นตลาดกระทิง ต่อมาที่ปี 2016 เป็นปีแห่งการฟื้นตัว และปี 2017 เป็นตลาดกระทิง เช่นเดียวกับปี 2020 และ 2021 ที่เป็นปีแห่งการฟื้นตัวต่อด้วยตลาดกระทิง 

 

สำหรับปี 2024 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวเช่นกัน ส่วนปีหน้า “ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่โดยรวมแล้วผมยังมองบวกในระยะยาว ผู้คนจะใช้คริปโตมากขึ้น แต่ก็ยังมีอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องช่วยกันสร้าง ส่วนระยะสั้นเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดา” CZ กล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X