หลังจาก บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ปล่อยผลงานเพลงล่าสุดอย่าง I ไม่ O ไปเมื่อช่วงต้นเดือน พร้อมๆ กับได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างล้นหลาม THE STANDARD POP ถือโอกาสนี้ขอพาแฟนๆ มาร่วมชม 6 เรื่องราวจากเพลง I ไม่ O ผลงานที่บิวกิ้นอยากจะนำเสนอตัวตนในอีกแง่มุมให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก
I ไม่ O เพลงที่ใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากที่สุด
แรงบันดาลใจของเพลง I ไม่ O ได้มาจากการที่พอเรารู้ว่าจะเป็นเพลงที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับซีรีส์ หลังจากที่หายไปตั้งแต่ กอดในใจ หลังจากที่เราได้ไปเก็บประสบการณ์ ได้ลองไปทำเพลงหลายๆ เพลงมา เราก็รู้สึกว่าสำหรับเพลงนี้ที่เป็นเพลงของเรา 100% เป็นเพลงที่เผยความเป็นศิลปินเต็มตัวโดยไม่ได้มีโจทย์อะไรมาครอบ เราจึงอยากจะเอาความเป็นตัวตนของเราลงไปอยู่ในนั้น
จริงๆ ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลง Soul หรือพวก City Pop อยู่แล้ว เป็นเพลงเก่าๆ แบบ 80-90s ครับ ซึ่งพอรู้ว่าเราจะทำเพลงที่เป็นเพลงของเรา เราก็เลยอยากจะเอารสนิยมของเรา ตัวตนของเราลงไปอยู่ในเพลงเพลงนี้ด้วย
โอกาสครั้งสำคัญที่ได้เรียนรู้เบื้องหลังการทำเพลง
ผมได้มีส่วนร่วมในการทำเพลง I ไม่ O ตั้งแต่ต้นเลยครับ เหมือนพี่ๆ ในนาดาวเขาก็อยากจะให้เราเป็นผู้กำกับของเพลงเราเอง เราเลยมีโอกาสได้เลือกโปรดิวเซอร์ที่เราอยากจะทำงานด้วย มีโอกาสได้เลือกแนวเพลงที่เราอยากจะทำด้วย เนื้อเพลงที่เราอยากจะเล่า รวมถึงรายละเอียดของเพลงทั้งหมด เราก็มีโอกาสได้อยู่ร่วมตัดสินใจด้วย พี่เบล (สุพล พัวศิริรักษ์) ที่มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้เขาก็เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้การทำงาน การทำเพลงไปด้วย เหมือนว่าได้มาฝึกงานในการทำเพลง แล้วก็เรียนรู้งานเบื้องหลังของเพลงเยอะมากๆ เหมือนกันครับ
นอกจากนี้ยังได้ พี่บี ETC. (โสตถินันท์ ไชยลังการณ์) มาเป็นคนแต่งทำนองกับเรียบเรียง ร่วมกับ พี่เมฆ Machina (สุขุม อิ่มเอิบสิน) แล้วก็พี่ปิง (จิระวัฒน์ ตันตรานนท์) มาเขียนเนื้อให้ด้วยครับ
แล้วก็เนื่องจากเราทำเพลง Soul ที่มีกลิ่นอายของ City Pop เราเลยตัดสินใจส่งเพลงไปให้ทาง Studio Oreo ที่ญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเป็น City Pop ให้เขามิกซ์เพลงให้เพื่อให้เพลงนี้เป็นเพลง City Pop จริงๆ ครับ
I ไม่ O ผลงานที่อยากให้แฟนคลับภูมิใจในตัวตนของตัวเอง
อย่างที่บอกว่าการทำเพลง I ไม่ O คือสิ่งใหม่สำหรับเรา เราเลยอยากให้คนเชื่อและยอมรับในสิ่งที่เราทำ สำหรับผมมันเหมือนเราไม่เคยทำสิ่งนี้ให้แฟนคลับของเราเห็นมาก่อน พอวันหนึ่งที่เราสร้างตัวตนที่เป็นตัวเองแบบนี้ออกไป เราไม่แน่ใจว่ามันจะโอเคไหม แต่ว่าพอปล่อยออกไปแล้วเราได้รับฟีดแบ็กที่ดีเราก็แฮปปี้ว่า คนเปิดรับเราในการที่เราทำเพลงแบบนี้ออกไป คนแฮปปี้กับมุมนี้ของเรา ความเป็นรสนิยม ความเป็นตัวตนของเรา
ในอนาคตอยากจะเป็นศิลปินที่ได้ทดลองทำเพลงในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิม
ผมว่าเราก็คงพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ในฐานะศิลปินเราก็อยากที่จะทำเพลงใหม่ๆ หามุมใหม่ๆ ทดลองไปเรื่อยๆ รวมถึงงานแสดงด้วย เรารู้สึกว่าเรายังประสบการณ์น้อย ในอนาคตเราก็เลยอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น เป็นคนที่ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น ได้ไปขึ้นคอนเสิร์ต ได้ทำเพลงกับคนเก่งๆ ครับ
แม้ตอนนี้จะแยกกันไปเติบโต แต่ในอนาคตก็ยังมีโอกาสมาทำเพลงร่วมกัน
จริงๆ ช่วงนี้เราก็แยกกันทำงานของตัวเองครับ พีพี (กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) เขาก็จะไปทำเพลงของเขาในฐานะของศิลปินเดี่ยว ผมก็ไปทำเพลงของผมในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่เราก็ยังรับงานด้วยกันอยู่ ถ้าทำเพลงใหม่ผมว่ามันก็ยังมีโอกาส แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตมันจะมีโปรเจกต์อะไรให้เราทำด้วยกันบ้าง ก็ยังมีโอกาสครับ
‘แฟนคลับ’ แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้บิวกิ้นอยากเป็นคนที่เก่งขึ้นกว่าเดิม
ผมไม่รู้ว่าแฟนคลับคนอื่นเป็นยังไง แต่แฟนคลับผม ผมรู้สึกว่าทุกๆ คนมาซัพพอร์ตเราด้วยความรู้สึกที่เขารักเราจริงๆ แล้วทุกๆ อย่างมันถูกแสดงออกมาผ่านทุกๆ การกระทำของเขา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปั่นวิว การโหวต หรือแม้กระทั่งเขาเสพงานเราแล้วเขาชื่นชอบ ผมว่านี่คือความรักที่เขามอบให้เราแล้วนะ ผมว่าทั้งหมดมันถูกผลักดันจากสิ่งเดียวกันคือความรู้สึกที่ดีต่อตัวเรา ซึ่งอย่างที่บอกไปคือเราโชคดีที่เรามีโอกาสได้มีคนรักเรามากขนาดนี้ มีคนที่ชื่นชอบในสิ่งที่เราทำมากขนาดนี้
เหมือนมีคนรอดูงานที่เราทำ เชื่อในสิ่งที่เราเป็น เราก็อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก อยากจะเก่งขึ้นไปอีก อยากจะทำอะไรที่ดีๆ ขึ้นไปอีก ให้กับคนกลุ่มที่เขาคาดหวังในตัวเราอยู่ สำหรับผมมันมีความสำคัญมาก แล้วผมก็ให้คุณค่ากับพวกเขามากๆ
รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่นี่
