ป้ายโฆษณาของบิลลีที่ลอสแอนเจลิส ปี 2017
Photo: Artography / Shutterstock
“คุณจำได้ไหมว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ตอนอายุ 17”
สำหรับ บิลลี อายลิช นักร้องสาวชาวอเมริกันวัยกระเตาะคนนี้ เธอกำลังเดินหน้าเข้าหาความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง และกำลังไปได้สวยอย่างมากกับเส้นทางการเป็นศิลปิน บิลลีถือเป็นเด็กสาวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในฐานะดาวดวงใหม่ ชนิดที่สามารถกล่าวได้ว่า ในบรรดานักร้องนักดนตรีรุ่นราวคราวเดียวกันนั้น แทบไม่มีใครเลยที่มาแรงได้เท่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสำเร็จหรือฐานแฟนคลับที่กำลังก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยวัยเพียง 17 ปี อะไรกันที่ทำให้เด็กวัยรุ่นอายุยังไม่แตะหลักสองประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดได้ เพราะหากคุณเป็นคนชอบฟังเพลง หรือติดตามข่าวสารจากวงการเพลงอยู่แล้ว ก็จะรู้ว่า ไม่บ่อยนักที่จะมีนักร้องหรือศิลปินอายุน้อยอย่าง บิลลี ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับความโด่งดังและโดดเด่นแซงหน้าคนอื่นอย่างนี้
บิลลี อายลิช ไพเรท บาร์ด โอคอนเนลล์ เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ปี 2001 เธอเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช-สกอตติช ที่เติบโตขึ้นมาในแถบไฮแลนด์ปาร์กของเมืองที่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางวงการบันเทิงอย่างลอสแอนเจลิส เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวศิลปิน โดยมี คุณแม่แม็กกี้ บาร์ด และ คุณพ่อแพทริก โอคอนเนลล์ คอยดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี เพราะบิลลีไม่ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น เธอเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน ก่อนที่จะเริ่มฝึกร้องเพลงตอนอายุ 8 ขวบ ด้วยการเข้าร่วม Los Angeles Children’s Chorus (LACC) คณะร้องเพลงประสานเสียงสำหรับเด็กของเมืองลอสแอนเจลิส
บิลลีแสดงที่ Sant Jordi Club ในบาร์เซโลนา ปี 2019
Photo: Christian Bertrand / Shutterstock
หากมองจากภายนอกเราอาจจะคิดว่า เจ้าเด็กคนนี้เป็นนักร้องที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ในความเป็นจริง การเป็นนักร้องไม่ใช่ความฝันและความมุ่งมั่นตั้งใจแรกของ บิลลี อายลิช สิ่งแรกที่เธอตกหลุมรักและทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้นั่นคือ การเป็น ‘แดนเซอร์’ และด้วยความหวังที่ต้องการก้าวไปเป็นนักเต้นระดับโลกให้ได้ในสักวัน ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของบิลลีหมดไปกับการซ้อมเต้นอยู่ในสตูดิโอ
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เมื่อสุดท้ายแล้วความฝันครั้งแรกของบิลลีก็ต้องมาจบลงด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการเต้น ซึ่งส่งผลทำให้เธอไม่สามารถกลับมาเต้นได้ในระดับที่ใจต้องการอีกต่อไป แต่ถ้ามองในแง่ดี เหตุการณ์ครั้งนั้นก็เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ เพราะหลังจากที่บิลลีบาดเจ็บ เธอก็เริ่มหันมาจริงจังกับการทำเพลง
บิลลีเริ่มเขียนและร้องเพลงของตัวเองตอนอายุ 11 ปี ซึ่งต่อมาในปี 2016 เพลงนั้นได้ถูกปล่อยออกมาผ่านช่องทางสตรีมมิงอย่าง SoundCloud ในชื่อ Fingers Crossed เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซอมบี้ ซึ่งบิลลีบอกว่า เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากทีวีซีรีส์เรื่อง The Walking Dead
นอกจากนี้แล้วในปีเดียวกันนั้นเอง บิลลี อายลิช ยังปล่อยเดบิวต์ซิงเกิล Ocean Eyes ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยเพลงนี้เธอได้พี่ชาย ฟินนีส์ โอคอนเนลล์ บุคคลที่เปรียบเสมือนทุกอย่างในเส้นทางศิลปินของเธอ เป็นคนแต่งให้
สำหรับฟินนีส์นั้นเป็นทั้งคนดูแล โปรดิวเซอร์ นักดนตรีแบ็กอัพเวลาบิลลีขึ้นโชว์ เรียกได้ว่า เขาเป็นเหมือนพาร์ตเนอร์คนสำคัญในการทำงานเพลงของเธอ และ Ocean Eyes ก็เป็นเหมือนเพลงแจ้งเกิด เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของ บิลลี อายลิช เพราะทันทีที่มันถูกปล่อยออกมาก็ฮิตถล่มทลาย และกลายเป็นกระแสไวรัลใน SoundCloud จนทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะนักร้องสาวดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการ
ภายหลังที่ซิงเกิล Ocean Eyes เปิดตัว ก็ประสบความสำเร็จและได้กระแสตอบรับดีมาก ปี 2017 บิลลี อายลิช ก็ออกอัลบั้ม EP. Don’t Smile at Me ภายใต้การดูแลของค่ายเพลงอย่าง Interscope Records ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอ และยังเป็นอัลบั้มที่บรรจุเพลงอย่าง Copycat, Bellyache, My Boy, idontwannabeyouanymore รวมไปถึง Ocean Eyes เอาไว้ โดยอัลบั้มสามารถไต่ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ของชาร์ต Billboard 200 ได้ อีกทั้งยังถือเป็นช่วงเวลาที่พีกที่สุดในเส้นทางอาชีพศิลปินของ บิลลี อายลิช ด้วย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเลยที่เธอใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีเศษ กับการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของตัวเอง จากคนที่ไม่มีใครรู้จัก สู่การเป็นศิลปินที่มีคนติดตามหลักล้านเหมือนในปัจจุบัน ทั้งนี้ตัวของบิลลีเองยังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานี้อีกด้วย
บิลลีแสดงที่ TivoliVredenburg ในฮอลแลนด์ ปี 2019
Photo: Ben Houdijk / Shutterstock
นอกเหนือจากอัลบั้ม Don’t Smile at Me แล้ว บิลลียังมีผลงานเพลงที่น่าสนใจอื่นๆ ออกมาอีก อาทิ ซิงเกิลอย่าง When I Was Older เพลงที่เป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้ม Music Inspired by the Film Roma อัลบั้มที่ อัลฟองโซ กัวรอน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Roma ชวนศิลปินมาทำเพลง รวมไปถึงซิงเกิลอย่าง Bored และ Lovely ที่ถูกนำไปใช้เป็นซาวด์แทร็กประกอบซีรีส์เรื่อง 13 Reasons Why โดยเฉพาะ Lovely เพลงที่บิลลีทำร่วมกับ คาลิด นักร้องอาร์แอนด์บีผิวสีชื่อดัง ซึ่งภายหลังกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตที่แฟนเพลงกดเข้าไปฟังมากที่สุด
สำหรับแนวเพลงของ บิลลี อายลิช ถ้าให้เรียกแบบง่ายที่สุด มันก็คือเพลงป๊อป แต่เป็นเพลงป๊อปที่ผสมผสานความแปลกประหลาดของซาวด์ดนตรี มีความอิเล็กทรอนิกส์บวกกับฮิปฮอปอาร์แอนด์บี ที่มาพร้อมกับเนื้อหาอันหม่นเศร้า ซึ่งเป็นแนวเพลงที่เด็กวัยรุ่นยุคนี้กำลังอินกันอย่างมาก ส่วนศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อการทำเพลงของเธอนั้น ได้แก่ ไทเลอร์ เดอะครีเอเตอร์, เดรก, เอิร์ล สเวตเชิร์ต, เอแซป ร็อกกี้ รวมไปถึงนักร้องหญิงตัวแม่ระดับต้นๆ ของวงการอย่าง ลานา เดล เรย์ ด้วย
ทั้งนี้ ด้วยน้ำเสียง แนวทางการทำงาน และความคิดที่โตเกินไวของ บิลลี อายลิช นั้น ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นและเป็นที่รักของแฟนๆ จนบางคนถึงขนาดกล่าวว่า บิลลีเปรียบเสมือนร่างที่ฟิวชันกันระหว่าง ลอร์ด และ ลานา เดล เรย์ เลยทีเดียว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายมันอย่างไรดี มันไม่ได้เจาะจงว่าคือแนวไหนเป็นพิเศษหรอก ฉันแค่ไม่อยากให้เพลงของฉันถูกจำกัดความว่าเป็นเพลงแนวนั้นแนวนี้ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าเพลงมันดีมันก็คือเพลงดี และฉันคิดว่า ควรปล่อยให้คนฟังเป็นคนตัดสินเองดีกว่าว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับมัน” บิลลี อายลิช กล่าว
แน่นอนว่า การที่บิลลีประสบความสำเร็จเร็วตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ก็ย่อมทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันในการทำงาน สิ่งหนึ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ การถูกยกเอาไปเปรียบเทียบกับ ลอร์ด รุ่นพี่ผู้เคยยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่เธอกำลังยืนอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่อเสียงเงินทองที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว หรือว่าเรื่องการรับมือกับความกดดันในการทำงานและเรื่องอื่นๆ ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องมาคอยดูกันว่า บิลลี อายลิช จะสามารถควบคุมและยืนระยะได้ดีมากน้อยแค่ไหน
บิลลีแสดงที่งาน iHeartRadio Music Awards ปี 2019
Photo: Chris Delmas / AFP
เดือนมีนาคม ปี 2019 บิลลี อายลิช ออกเดบิวต์อัลบั้ม ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มแรกของตัวเองชื่อ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? อัลบั้มที่อุดมไปด้วยเพลงซึ่งกำลังฮิตฮอตอยู่ในเวลานี้ อาทิ Bury A Friend, Bad guy, You Should See Me In A Crown และ When The Party’s Over เป็นต้น
มากไปกว่านั้น เหล่านักวิจารณ์จากสื่อหลายสำนักต่างพร้อมใจกันเทคะแนนให้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะ NME ที่เทให้หมดกระจาด 100/100 คะแนน ทั้งนี้ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ยังเป็นอัลบั้มที่ทุบสถิติ Pre-Adds บน Apple Music สูงสุดตลอดกาล และเป็นอัลบั้มที่กำลังได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างทั้งในและนอกกระแส
จากวันแรกที่บิลลีก้าวเท้าเข้ามาสู่วงการเพลงจนถึงวันนี้ อัลบั้มของเธอถูกขายออกไปแล้วกว่า 3 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 7.9 ล้านแผ่นทั่วโลก ทั้งในปัจจุบันเพลงของบิลลียังมียอดสตรีม หรือยอดฟังรวมกันบนแพลตฟอร์มอย่าง Spotify และ YouTube มากกว่า 3.9 พันล้านครั้ง!
ทั้งหมดนี้คือ ความสำเร็จมหาศาลที่กำลังถาโถมเข้าใส่เด็กสาววัย 17 ปี อย่าง บิลลี อายลิช แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เชื่อเหลือเกินว่า หลังจากนี้อีกหลายปี เราจะยังคงเห็นหน้าของ บิลลี อายลิช บนพื้นที่สื่อกันต่อไปเรื่อยๆ เผลอๆ อาจจะบ่อยขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะในตอนนี้เธอเปรียบเสมือนกับ ‘ความหวังใหม่’ ของวงการเพลงยุคปัจจุบันไปแล้ว
ถึงแม้ว่าบิลลีจะยังเด็กมาก แต่เธอก็ได้พิสูจน์ให้พวกเราเห็นแล้วว่า อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ศิลปินไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในวงการเป็นสิบๆ ปี ถึงจะประสบความสำเร็จ จริงอยู่ว่าประสบการณ์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่ทุกอย่าง ความมุ่งมั่นตั้งใจและผลงานที่ทำออกมาต่างหากล่ะ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าศิลปินคนนั้นสมควรได้รับคำชื่นชมยกย่องหรือไม่
เวลานี้เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจริงๆ ว่า บิลลี อายลิช ได้กลายเป็นหนึ่งในไอคอนของคนยุคปัจจุบันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาพเปิด: Billie Eilish / Facebook
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: