×

ปรับแผนการคลังระยะปานกลางครั้งใหญ่ ลดขาดดุลไม่เกิน 3% พร้อมคุมเข้มรักษาเพดานหนี้สาธารณะ เร่งฟื้นเชื่อมั่น เรตติ้ง เอเจนซี่ ชงเข้า ครม. สัปดาห์หน้า

13.11.2025
  • LOADING...
ปรับแผนการคลังระยะปานกลางครั้งใหญ่ ลดขาดดุลไม่เกิน 3% พร้อมคุมเข้มรักษาเพดานหนี้สาธารณะ เร่งฟื้นเชื่อมั่น เรตติ้ง เอเจนซี่ ชงเข้า ครม. สัปดาห์หน้า

ดร.เอกนิติ ลุยปรับแผนการคลังระยะปานกลาง ชงเข้า ครม. สัปดาห์หน้า วางกรอบลดขาดดุลจากระดับ 4.4% ของ GDP ในปีงบประมาณ 69 ไปสู่ระดับ ไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 72 ยันไม่ขยายเพดานหนี้สาธารณะ 70% ต่อ GDP มั่นใจงบประมาณปี 70 เสร็จทันก่อนยุบสภา
วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังว่า ได้มีการจัดทำ ‘แผนการคลังระยะปานกลาง’ (Medium-Term Fiscal Framework : MTFF)

 

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง ประกอบด้วย 4 หน่วยงานทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สำนักงบประมาณ (สงป.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขา มีมติปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) และจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้

 

ดร.เอกนิติ กล่าวว่า แผนการคลังระยะปานกลาง ถือเป็นเครื่องมือหลักในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ และเป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการรักษาวินัยการคลัง ภายใต้นโยบาย Quick Big Win 5 เสาหลัก 1 ฐานราก โดย ‘ฐานราก’ คือ การรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ

 

โดยการปรับแผนการคลังระยะปานกลางในครั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายสำคัญที่ปรับลดการขาดดุลการคลังลดลงจากระดับ 4.4% ของ GDP ในปีงบประมาณ 2569 ไปสู่ระดับ ไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 2572 โดยจะยังคงเพดานหนี้สาธารณะไว้ไม่เกิน 70% ของ GDP และไม่มีการขยายเพดานดังกล่าว ทั้งนี้ แผนดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศไทยรักษาวินัยการคลัง ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะใช้ ‘เครื่องมือทางการคลังที่ไม่ก่อหนี้สาธารณะ’ เพื่อสนับสนุนการลงทุน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund: TFF) และ โครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่เพิ่มภาระทางการคลัง

 

ในส่วนของกรอบวินัยการคลัง กระทรวงการคลังจะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งในการใช้ มาตรา 28 ซึ่งยังคงเพดานไว้ที่ 32% ของงบประมาณ แต่จะเพิ่มความรอบคอบในกระบวนการอนุมัติ รวมถึง ลดเพดานการก่อหนี้ผูกพันกลางปี จาก 8% เหลือ 5% ของวงเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดวินัยทางการเงินมากขึ้น

 

อีกทั้งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เกี่ยวกับฐานะการคลังของไทย หลังถูกสถาบันจัดอันดับเครดิต (Credit Rating Agencies) ปรับลดมุมมองจาก Stable เป็น Negative ในช่วงที่ผ่านมา แผนการคลังระยะปานกลาง ที่จัดทำในครั้งนี้มีเป้าหมายสร้างความเชื่อมั่นด้านวินัยการคลังผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่

 

1) กำหนดแนวทางบริหารการคลังอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมรายได้ รายจ่าย หนี้สิน และทรัพย์สินของภาครัฐ
2) ปรับปรุงและเพิ่มกฎเกณฑ์ทางการคลัง (Fiscal Rules) เพื่อยกระดับความโปร่งใส โดยจะมีการรายงานต้นทุนทางการคลัง เช่น รายได้ที่สูญเสียจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Expenditure) อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เห็นภาพรวมของฐานะการคลังชัดเจนยิ่งขึ้น
3) กำหนดกรอบการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง เพื่อควบคุมภาระการคลังให้อยู่ในขอบเขตที่ชัดเจนและโปร่งใส

 

ทั้งนี้ มาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เป็นช่องทางกึ่งการคลัง ซึ่งเปิดทางให้ รัฐบาลสามารถใช้ ‘เงินนอกงบประมาณ’ ผ่านการมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ สำรองจ่ายเงินดำเนินโครงการแทนรัฐบาลก่อน แล้วค่อยตั้งงบมาชดเชยคืนภายหลัง พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งภาระหนี้ลักษณะนี้จะไม่ถูกนับเป็น ‘หนี้สาธารณะ’ และไม่ต้องผ่านสภา ทำให้ถูกมองว่าเป็นช่องทางกึ่งการคลังที่ต้องควบคุม

 

ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับปรุงกรอบงบประมาณด้านอื่นๆ เช่น

  • จำกัดสัดส่วนงบกลาง ให้อยู่ระหว่าง 2-3% ของงบรายจ่ายรวม จากเดิม 2-3.5%
  • กำหนดให้ งบชำระคืนต้นเงินกู้ ต้องไม่ต่ำกว่า 4% จากเดิมที่เป็นกรอบ 3.5-5%
  • คงสัดส่วนงบลงทุน ไม่น้อยกว่า 20% ของงบรายจ่ายประจำปี

 

เอกนิติกล่าวเพิ่มเติมว่า การลดการขาดดุลการคลังในปีงบประมาณ 2570 จะเกิดขึ้น ‘อย่างมีนัยสำคัญ’ จากระดับเดิม 8.6 แสนล้านบาท หรือ 4.4% ของ GDP ในปี 2569 แม้จะยังไม่ถึงเป้าหมาย 3% แต่จะลดลงต่อเนื่องทุกปีจนถึงปี 2572

 

นอกจากนี้ ดร.เอกนิติยังย้ำอีกด้วยว่า แผนการคลังระยะปานกลางครั้งนี้มุ่งสร้างความเชื่อมั่นใน Credibility ของนโยบายการคลัง โดยจะเขียนกรอบชัดเจนในเอกสาร MTFF ว่า หากรัฐบาลในอนาคตไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายขาดดุล 3% ของ GDP ได้ ก็ต้องเพิ่มรายได้หรือปรับลดรายจ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบดังกล่าว

 

เปิดไทม์ไลน์ งบประมาณปี 70 มั่นใจ เสร็จทันก่อนยุบสภา

 

ทั้งนี้ อนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า จะมีการประชุมกรอบงบประมาณปี 2570 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 จากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เพื่อพิจารณาเห็นชอบ กรอบงบประมาณดังกล่าว จากนั้น สำนักงบประมาณจะเร่งพิจารณาคำขอของแต่ละหน่วยงาน และเสนอกรอบงบประมาณนี้ ต่อสภา ให้ครม.เห็นชอบ ในวันที่ 27 มกราคม 2569 ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภา

 

“แม้จะมีประกาศยุบสภา ก็จะไม่มีผลกระทบต่อ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 70 เพราะร่างดังกล่าว ถูกเสนอให้ ครม.ชุดปัจจุบันพิจารณาในวันที่ 27 มกราคม 2569 แล้ว ดังนั้นหลังจากยุบสภา ก็รอให้มีสภาชุดใหม่มาพิจารณาต่อ” อนันต์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising