ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อวันพุธที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในการยกระดับมาตรการป้องกันการโจมตีไซเบอร์รัฐบาลกลาง และหน่วยงานต่างๆ ในประเทศให้คุมเข้มมากย่ิงขึ้น หลังเกิดกรณีการโจมตีแรนซัมแวร์เรียกค่าไถ่บริษัทผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดบริเวณชายชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ อย่าง ‘Colonial Pipeline Co.’ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จนนำไปสู่เหตุการความวุ่นวายและปัญหาการขาดแคลนน้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหนึ่ง (เพิ่งกลับมาให้บริการได้ปกติในช่วงเย็นวันพุธที่ 12 พฤษภาคม)
รายละเอียดในแถลงการณ์ของทำเนียบขาวสหรัฐฯ ระบุว่า สาเหตุของการลงนามในคำสั่งฉบับนี้ เนื่องจากไบเดนมองว่าที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น SolarWinds, Microsoft Exchange (Microsoft) และล่าสุด Colonial Pipeline ล้วนแล้วแต่ตกเป็นเป้าการเล่นงาน และตอกย้ำรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าภาคเอกชนและรัฐบาลยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งการมีระดับการป้องกันทางไซเบอร์ที่ไม่ดีพอก็จะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการโจมตีได้อีกในอนาคต
คำสั่งพิเศษฉบับนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเสริมแกร่งการยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ของโครงข่ายรัฐบาลกลางให้ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมไปถึงการเพิ่มความร่วมมือในกรณีการแชร์ข้อมูลข่าวสารระหว่างรัฐบาลและเอกชนถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มอำนาจของสหรัฐฯ ในการตอบโต้กับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ต้องเผชิญ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Colonial Pipeline ได้ย้ำเตือนกับเราว่าแค่ลำพัง การเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลกลางอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เราอยากกระตุ้นและหนุนให้บริษัทเอกชนปฏิบัติตามรัฐบาลกลาง และดำเนินการเป้าหมายการยกระดับการลงทุนในด้านการป้องกันภัยไซเบอร์เพื่อลดผลกระทบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” รัฐบาลสหรัฐระบุผ่านแถลงการณ์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.whitehouse.gov/briefing-room/statements-releases/2021/05/12/fact-sheet-president-signs-executive-order-charting-new-course-to-improve-the-nations-cybersecurity-and-protect-federal-government-networks/
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-05-12/biden-signs-order-to-bolster-cyber-security-after-pipeline-hack?utm_content=business&utm_campaign=socialflow-organic&utm_medium=social&utm_source=twitter&cmpid=socialflow-twitter-business&sref=CVqPBMVg
- https://www.engadget.com/white-house-eo-network-security-010757835.html