วานนี้ (19 กรกฎาคม) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษ 1 ฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งการกักขังพลเมืองสหรัฐฯ ในต่างประเทศโดยมิชอบ โดยอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐสามารถกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและมาตรการอื่นๆ เพื่อเป็นการลงโทษประเทศที่กระทำการดังกล่าว
ท่าทีของไบเดนมีขึ้นท่ามกลางกระแสกดดันที่เพิ่มขึ้นจากบรรดาครอบครัวของชาวอเมริกันที่ถูกจับเป็นตัวประกันหรือถูกกักขังในต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีล่าสุดของ บริทนีย์ ไกรเนอร์ นักบาสเกตบอลหญิงชื่อดังแห่งลีก WNBA ที่ถูกควบคุมตัวในรัสเซียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในหลายข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม บางครอบครัวยังคงมองว่าคำสั่งพิเศษดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้เพียงเล็กน้อย พร้อมทั้งประณามรัฐบาลวอชิงตันที่ไม่อนุญาตให้มีการซักถามในระหว่างการวิดีโอคอลเพื่อตรวจสอบเรื่องแนวทางดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ถูกจับนอกประเทศ และชี้ว่ารัฐบาลนั้นขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการนำคนที่เขารักกลับบ้าน
สำหรับชะตากรรมของชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังนอกประเทศนั้นเป็นที่จับตามองมากขึ้น จากทั้งกรณีของไกรเนอร์ และกรณีอดีตนาวิกโยธินเทรเวอร์ รีด ที่ได้รับการปล่อยตัวจากรัสเซียเมื่อเดือนเมษายน ภายใต้เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ หลังจากถูกคุมขังเกือบ 3 ปี โดยถือเป็นการดำเนินการในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ และรัสเซียมีความสัมพันธ์ย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากสงครามบุกยูเครน
ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ ว่ามีประชากรอเมริกันจำนวนกี่คนที่ถูกคุมขังอยู่ในต่างประเทศ โดยมูลนิธิ James W. Foley Legacy ซึ่งตั้งขึ้นตามชื่อของนักข่าวชาวอเมริกันที่ถูกลักพาตัวและสังหารในซีเรีย เผยว่า ปัจจุบัน มีประชากรอเมริกันมากกว่า 60 คน ที่ถูกกักขังโดยมิชอบใน 18 ประเทศ ซึ่งบางคนถูกจับกุมและคุมขังโดยประเทศคู่ปรับอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ อย่าง อิหร่าน, รัสเซีย, เวเนซุเอลา และจีน
ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยต่อสื่อระหว่างให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดนมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และในขณะเดียวกันก็เริ่มหยิบยกยุทธศาสตร์ในการยับยั้งที่สามารถทำให้ประเทศที่ก่อเหตุจับชาวอเมริกันเป็นตัวประกันหรือกักขังไว้โดยมิชอบต้องชดใช้ในการกระทำ
สำหรับคำสั่งพิเศษล่าสุดนี้ อนุญาตให้หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ สามารถกำหนดมาตรการตอบโต้ผู้ที่กักขังหรือจับชาวอเมริกันเป็นตัวประกัน โดยรวมถึงการคว่ำบาตรทางการเงิน
“อำนาจในการคว่ำบาตรที่รวมอยู่ในคำสั่งพิเศษนี้ ทำให้สหรัฐฯ สามารถกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางด้านการเงินและการเดินทางต่อผู้ที่รับผิดชอบในการกักขังประชาชนสัญชาติสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าผู้จับกุมพวกเขาจะเป็นเครือข่ายผู้ก่อการร้ายหรือเป็นตัวแทนของรัฐ” แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์
คำสั่งพิเศษดังกล่าวยังกำหนดให้หน่วยงานรัฐประสานงานอย่างใกล้ชิดกับครอบครัวของผู้ถูกกักขัง พร้อมทั้งแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองที่เป็นไปได้
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเตรียมที่จะเพิ่มประกาศเตือน สถานที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกกักขังโดยมิชอบ โดยข้อมูลล่าสุด ชี้ว่ามี 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา, จีน, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ, รัสเซีย และเวเนซุเอลา
แฟ้มภาพ: Photo by Kevin Dietsch / Getty Images
อ้างอิง:
